ปรมาจารย์แห่งสติ

25 ส.ค. 2564 | 21:00 น.

คอลัมน์ทำมา.. ธรรมะ โดยพระราชรามัญ

หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ นับเป็นพระกรรมฐาน ที่ได้รับการยอมรับอีกรูปหนึ่งในหมู่นักปฏิบัติธรรม ในยุค 80 เพราะวิธีการปฏิบัติของหลวงพ่อนั้นเน้น ความเคลื่อนไหว โดย ใช้วิธีการเคลื่อนไหวมือเป็นอุบายในการฝึกเจริญสติ
เพราะในชีวิตจริงของเราทุกคน มักจะไม่อยู่นิ่งเราใช้มือในการทำสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเราเดินไปเดินมาอยู่ตลอดเวลา 
 

ดังนั้นการที่เรามาเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหวมือ จนเกิดความเคยชินและชำนาญ และเมื่อเรามาใช้ชีวิตประจำวันเราก็เคลื่อนไหวมือ ทุกครั้งที่เราเคลื่อนไหวก็จะมีสติตามรู้อยู่ตลอดนั่นเท่ากับเราได้ปฏิบัติธรรมตลอดเวลา

สมัยตอนเด็กๆ หลวงพ่อเทียนเคยจับมือ ของผู้เขียนให้ฝึกความเคลื่อนไหวเจริญสติ ครั้นผ่านไปหลายสิบปี จึงคิดถึงหลวงพ่อเทียนแล้วนำเอามาใช้ ในชีวิตประจำวันปรากฏว่าเกิดผลลัพธ์ ที่ทำให้จิตใจและความคิดของเรามีความทุกข์น้อยลง มีความนิ่งเฉยๆคอยดู ในสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลง อย่างเห็นได้ชัด แล้วเกิดความเข้าใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

ใครก็ตามที่เป็นทุกข์กับชีวิต แล้วสับสนหาทางออกไม่ได้ ลองศึกษาแนวทางการเคลื่อนไหวมือ เพื่อเจริญสติของหลวงพ่อเทียน ย่อมจะทำให้ชีวิตเห็นทางออกบางอย่างด้วยสติ  
 

ผู้เขียนเคยทุ่มเทในการ ฝึกความเคลื่อนไหวเจริญสตินี้ จนเห็นความคิดของตัวเองจนเห็นกายของตัวเอง และที่สำคัญสามารถดับทุกข์ได้และทำให้เกิดสติปัญญา ในการทำงาน ทุกครั้งที่ติดขัดได้อย่างน่าอัศจรรย์
 

ยิ่งในยุคนี้ที่โรคระบาด ยังปรากฏอยู่ถ้าเราได้ฝึกความเคลื่อนไหวมือเจริญสติ ก็จะทำให้ความเครียดน้อยลง
 

มีเรื่องเล่ากันว่าพระเซ็นจากประเทศสิงคโปร์ เคยสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเทียนและได้พบสิ่งมหัศจรรย์ทางด้านความคิด จึงยอมรับว่าหลวงพ่อเทียนเป็นปรมาจารย์แห่งการเจริญสติและเป็นผู้ที่เข้าถึงธรรมะตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอนเพื่อดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง ถึงกับมอบเสื้อปรมาจารย์แห่งเซ็นให้หลวงพ่อเทียนได้สวมใส่ เพื่อเป็นสิริมงคลพระนิกายเซ็นรูปนั้น

แม้ว่าวันนี้หลวงพ่อเทียน จะมรณภาพไปแล้วแต่ที่วัดสนามในนนทบุรีก็ยังมีการสอนวิธีการเคลื่อนไหวเจริญสติ อยู่เป็นประจำโดยมีหลวงพ่อทอง ลูกศิษย์หลวงพ่อเทียนเป็นเจ้าอาวาสและคอยดูแลอยู่
 

"กายไหวใจสงบ" เป็นสิ่งที่ผู้เขียนประสบด้วยตนเองเอง และเข้าใจเลยว่าทำไมการเกิดมาเป็นมนุษย์หากใช้ชีวิตด้วยสัญชาตญาณเป็นสิ่งที่ผิด แต่ถ้าใช้ชีวิตด้วยสติคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะว่าเป็นสิ่งเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นเอง