“กระดูกพรุน” ไม่ใช่โรคเฉพาะผู้สูงวัยอย่างที่หลายคนเข้าใจ ปัจจุบันพบว่า วัยรุ่น และวัยทำงานก็มีความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนเช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยง “กระดูกพรุน” มีอะไรบ้าง?
1.การดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป : กาแฟ ชา อาจช่วยให้มีแรงทำงาน เหล้า เบียร์อาจเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้การสังสรรค์สนุกขึ้น แต่หากบริโภคมาก นอกจากส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม ก็ทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลงได้
2. ขาดวิตามินดี : หากร่างกายขาดวิตามินดีหรือแสงแดดที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย สามารถส่งผลต่อให้กระดูกพรุนได้ เพราะวิตามินดีมีส่วนสำคัญในการสร้างแคลเซียมของกระดูก
3. ขาดการออกกำลังกาย : โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกด (weight-bearing exercise) เช่น วิ่ง เดินเร็ว เวทเทรนนิ่ง
4. อดอาหาร/ลดน้ำหนักผิดวิธี : ทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างมวลกระดูก
5. พันธุกรรม : คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคกระดูกพรุน หรือมีโรคประจำตัว เช่น ไทรอยด์ เบาหวาน
6. การใช้ยาบางชนิดต่อเนื่อง : เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชัก ยารักษาไทรอยด์
7. ความผิดปกติของฮอร์โมน : กระดูกพรุนเสี่ยงเกิดในผู้หญิงมากกว่า เนื่องจากฮอร์โมนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก เมื่อหมดประจำเดือนผู้หญิงจึงมีความเสี่ยงมวลกระดูกสลายเร็วกว่า และในผู้ชาย กระดูกจะเริ่มบางลงเมื่อฮอร์โมนเพศลดลงตามวัย
การรักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุน
การรักษาและป้องกันโดยไม่ใช้ยา
• รับแคลเซียมให้เพียงพอ : สำหรับวัยผู้ใหญ่ ควรได้รับแคลเซียมต่อวัน 800-1000 มิลลิกรัม ซึ่งพบมากในนม โยเกิร์ต ชีส ปลาเล็ก ถั่ว งา
• กระตุ้นการสังเคราะห์วิตามินดี : รับแสงแดดอ่อนตอนเช้า 10-15 นาทีต่อวัน เพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดี และเสริมด้วยอาหาร เช่น ไข่แดง ปลาแซลมอล
• ออกกำลังกาย : เช่น เดินหรือวิ่งอย่างน้อย 30 นาที เล่นเวทเทรนนิ่ง เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กระดูก
• เลี่ยงปัจจัยทำลายกระดูก : ลดกาแฟ ชา เครื่องดื่มคาเฟอีนสูง เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
• รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม : น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป มีผลต่อความแข็งแรงของมวลกระดูก การรับสารอาหารครบถ้วนและออกกำลังกายจึงสำคัญมาก
• ตรวจสุขภาพและระดับฮอร์โมน : โดยเฉพาะผู้ที่มีพันธุกรรมโรคกระดูกพรุนและโรคประจำตัว
การรักษาโดยใช้ยา
• ยาลดการสลายของกระดูก (Antiresorptive agents) : มีทั้งชนิดรับประทานและฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนังหรือเส้นเลือดดำ
• ยาที่กระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents) : ยาชนิดฉีดที่ต้องฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังทุกวัน
ทั้งนี้วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้ป่วยรวมถึงดุลยพินิจของแพทย์ ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ ตรวจมวลกระดูกและตรวจสุขภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
ขอบคุณ : ศูนย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์เฉพาะทาง (Advanced Orthopedics Center) โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)
Tricks for Life หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,137 วันที่ 5 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568