เอ็นร้อยหวาย (Achilles tendon) เป็นเอ็นที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย เชื่อมต่อระหว่างกล้ามเนื้อน่องกับกระดูกส้นเท้า เมื่อเกิดการอักเสบที่ตำแหน่งจุดเกาะ จะทำให้มีอาการเจ็บปวด บวม แดง หรือกดเจ็บที่ด้านหลังส้นเท้า โดยเฉพาะเวลายืน เดิน หรือวิ่ง
เมื่อปวดส้นเท้าด้านหลัง อาจไม่ใช่เพียงอาการเมื่อยล้าธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า “จุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ” (Insertional Achilles Tendinopathy) ซึ่งมักเกิดขึ้นกับผู้ที่ออกกำลังกายหนัก นักกีฬา หรือแม้กระทั่งคนทั่วไปที่ใช้งานเท้าซ้ำ ๆ ทุกวัน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดภาวะเรื้อรังหรือเอ็นฉีกขาดได้
พ.ต.ท.นพ. ชัยวัฒน์ ศรีรัตนวุฑฒิ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อชำนาญการด้านเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลเวชธานี บอกว่า จุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ หรือ Achilles Tendinitis คือภาวะการอักเสบของเอ็นร้อยหวายบริเวณที่เกาะเข้ากับกระดูกส้นเท้า (Insertional Achilles Tendinopathy) ซึ่งมักเกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ
การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป หรือการบาดเจ็บสะสม โรคนี้พบได้บ่อยในนักกีฬา คนที่ออกกำลังกายหนัก รวมถึงคนทั่วไปที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น รองเท้าที่ไม่เหมาะสม หรือโครงสร้างเท้าผิดปกติ
อาการ
สาเหตุของจุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ
แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และอาจใช้ อัลตราซาวนด์ หรือ MRI เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
แนวทางการรักษาจุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ
การรักษาภาวะนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย โดยหลัก ๆ แบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และ การผ่าตัด
1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด : เป็นแนวทางแรกที่แพทย์มักใช้ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ประกอบด้วย
2. การรักษาด้วยการผ่าตัด : ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังต่อเนื่อง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดภายในระยะเวลา 6–12 เดือน แพทย์อาจพิจารณา การผ่าตัด ซึ่งมีหลายวิธี เช่น
การป้องกันจุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ
แม้ภาวะนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยเรื้อรังอาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทำให้เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมประจำวันลำบากขึ้น ดังนั้น เมื่อมีอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม