หนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทยคือ “มะเร็งตับ” (Liver Cancer) โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ซึ่งมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์เมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว
นายแพทย์อิศราพงษ์ ศิริชวโรจน์ อายุรแพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่า หลายคนอาจไม่รู้ว่า “อาการคันตามตัว” โดยไม่มีผื่น อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งตับโดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับอาการอื่น เช่น ตัวเหลือง เหนื่อยง่าย หรือเบื่ออาหาร
5 อาการเตือนโรคมะเร็งตับ ที่ควรรีบพบแพทย์
1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ : เมื่อเซลล์ตับเริ่มถูกทำลาย ร่างกายจะเผาผลาญและดูดซึมสารอาหารได้ลดลง ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและน้ำหนักลดอย่างไม่ตั้งใจ
2. แน่นท้อง ปวดบริเวณชายโครงขวา : อาจมีอาการแน่นหรือปวดท้องด้านขวาบน ซึ่งเกิดจากก้อนมะเร็งในตับที่ขยายตัวและกดทับอวัยวะข้างเคียง
3. ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) : เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตับทำงานผิดปกติ ไม่สามารถขจัดสารบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ ทำให้สารนี้สะสมในเลือด
4. คันตามตัว โดยไม่มีผื่น : เกิดจากสารพิษ เช่น บิลิรูบิน ที่สะสมในร่างกาย ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยโรคตับและมะเร็งตับ ควรพบแพทย์หากมีอาการคันต่อเนื่องโดยหาสาเหตุไม่ได้
5. เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องโต : อาจรู้สึกอึดอัดหรือแน่นท้องตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำในช่องท้อง หรือก้อนเนื้อในตับโตขึ้นจนกดทับระบบย่อยอาหาร
การตรวจคัดกรองมะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้มีไวรัสตับอักเสบบี/ซี ผู้ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง หรือมีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว
แนวทางการตรวจและรักษา
หากมีประวัติมะเร็งในครอบครัว แนะนำให้ตรวจคัดกรองความเสี่ยงมะเร็ง (Cancer screening)
แม้ว่าอาการ “คันตามตัว” จะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากเป็นต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหนื่อยง่าย ตัวเหลือง แน่นท้อง หรือเบื่ออาหาร ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคตับอย่างละเอียด เพราะยิ่งรู้เร็ว โอกาสในการรักษาก็ยิ่งสูงขึ้น