วิธีการเอาชนะ ความโลภและ ความกลัว ในตลาดลงทุน

05 มิ.ย. 2568 | 03:00 น.

วิธีการเอาชนะ ความโลภและ ความกลัว ในตลาดลงทุน คอลัมน์ SUPER TRADER โดย สุชาวดี เรียบร้อย Super Trader

KEY

POINTS

  • ความโลภและความกลัวเป็นอารมณ์หลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน และมักทำให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาด
  • ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาดมาจาก อารมณ์, แรงกดดันจากสังคม, ข่าวสาร, ความผันผวนของตลาด, และการใช้เครื่องมือทางการเงินโดยไม่เข้าใจ 
    ทุกคนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจผิดพลาดในการลงทุนบ้างไหม? 
  • Overtrade เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้นักเทรดล้างพอร์ต เพราะเกิดจากความโลภ, ความมั่นใจเกินไป และการใช้อารมณ์ในการเทรด

วิธีการเอาชนะ ความโลภและ ความกลัว ในตลาดลงทุน คอลัมน์ SUPER TRADER โดย สุชาวดี เรียบร้อย Super Trader

 

ช่วงนี้หลายๆ คนอาจจะพบปัญหา การเทรดในสภาวะที่ตลาดผันผวนมาก วันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับอารมณ์ในขณะเทรดกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง  

ความโลภและความกลัวเป็นอารมณ์หลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน และมักทำให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาด เช่น ซื้อหุ้นในราคาสูงเพราะกลัวพลาดโอกาส (FOMO) หรือขายขาดทุนเพราะตื่นตระหนกในภาวะตลาดขาลง การเอาชนะสองอารมณ์นี้ต้องอาศัยการฝึกฝนวินัยและการมีระบบในการลงทุน

 

วิธีเอาชนะ ความโลภ (Greed)

1. ตั้งเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน

  • กำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) ไว้ล่วงหน้า และปฏิบัติตามอย่างมีวินัย
  • อย่าโลภเกินไปจนรอให้ราคาขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีแผน

2. ใช้กลยุทธ์การทยอยขาย

  • ขายบางส่วนเมื่อได้กำไรตามเป้า เพื่อลดความเสี่ยง
  • วิธีนี้ช่วยให้คุณล็อกกำไรบางส่วน และยังสามารถถือครองส่วนที่เหลือต่อไปได้

3. หลีกเลี่ยง FOMO (Fear of Missing Out)

  • อย่าซื้อหุ้นเพียงเพราะราคากำลังขึ้นแรงหรือมีข่าวดี
  • ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุนเสมอ

4. มีแผนการลงทุนระยะยาว

  • นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนและทำตามแผน
  • อย่าตัดสินใจจากอารมณ์เพียงชั่วขณะ
     

 

วิธีเอาชนะ ความกลัว (Fear)

1. ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)

  • กำหนดระดับขาดทุนที่รับได้ และขายออกเมื่อถึงจุดนั้น
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการถือหุ้นขาดทุนเป็นเวลานาน

2. มองตลาดในระยะยาว

  • ความผันผวนเป็นเรื่องปกติของตลาด
  • อย่าตื่นตระหนกกับการปรับฐานในระยะสั้น หากพื้นฐานของสินทรัพย์ยังดี

3. กระจายความเสี่ยง (Diversification)

  • ไม่ลงเงินทั้งหมดในสินทรัพย์เดียว
  • การกระจายพอร์ตช่วยลดโอกาสขาดทุนหนักจากการผิดพลาดเพียงครั้งเดียว

4. ใช้ข้อมูลแทนอารมณ์

  • ตัดสินใจลงทุนบนพื้นฐานของข้อมูล เช่น งบการเงิน, ข่าวเศรษฐกิจ, และแนวโน้มอุตสาหกรรม
  • หลีกเลี่ยงการซื้อ-ขายจากข่าวลือหรืออารมณ์ตลาด

5. ฝึกความมั่นคงทางอารมณ์

  • การฝึกสมาธิ, การออกกำลังกาย, หรือการมีที่ปรึกษาการลงทุนที่ดี สามารถช่วยให้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลมากขึ้น

สรุปข้างต้น

  • ควบคุมความโลภด้วยการตั้งเป้าหมายกำไร, ใช้กลยุทธ์ทยอยขาย, และหลีกเลี่ยงการลงทุนตามกระแส
  • ควบคุมความกลัวด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุน, มองตลาดในระยะยาว, กระจายพอร์ต, และใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
  • มีระบบการลงทุนที่ชัดเจนและทำตามแผนอย่างมีวินัย เพื่อให้สามารถรับมือกับอารมณ์ทั้งสองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สำหรับนักลงทุน อะไรที่เป็นปัจจัยกดดันการตัดสินใจผิดพลาด  

แบ่งเป็น 2 ปัจจัยหลัก เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ และ ควบคุมไม่ได้
 

ปัจจัยภายใน (มาจากตัวนักลงทุนเอง) ควบคุมได้

1. อารมณ์ความรู้สึก (Emotional Bias)

  • ความโลภ (Greed): ทำให้ไล่ซื้อตามกระแส (FOMO) หรือถือสินทรัพย์ไว้นานเกินไปแม้เริ่มมีสัญญาณว่าควรขาย
  • ความกลัว (Fear): ทำให้ขายหุ้นเร็วเกินไป หรือหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีโอกาสเพราะกลัวขาดทุน
  • ความมั่นใจเกินไป (Overconfidence): คิดว่าตัวเองเก่งกว่าตลาด นำไปสู่การลงทุนโดยไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ

2. การยึดติดกับต้นทุนเดิม (Anchoring Bias)

  • นักลงทุนมักยึดติดกับราคาที่เคยซื้อ เช่น ถ้าซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท แล้วมันตกลงเหลือ 80 บาท อาจปฏิเสธที่จะขายเพราะไม่อยากขาดทุน ทั้งที่แนวโน้มอาจแย่ลงอีก

3. การยืนยันความเชื่อเดิม (Confirmation Bias)

  • เลือกหาข้อมูลที่สนับสนุนความคิดของตัวเอง และมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
  • ทำให้เกิดการมองโลกในแง่ดีเกินไป หรือประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าความเป็นจริง

4. การตัดสินใจตามคนส่วนใหญ่ (Herd Mentality)

  • ซื้อหุ้นเพราะเห็นคนอื่นซื้อ หรือขายเพราะคนอื่นขาย โดยไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวเอง

5. ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO - Fear of Missing Out)

  • ทำให้รีบเข้าซื้อสินทรัพย์ที่กำลังขึ้นแรง โดยไม่ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น หุ้นที่พุ่งแรงเพราะข่าวลือ


ปัจจัยภายนอก (มาจากสภาพตลาดและสิ่งแวดล้อม) ควบคุมไม่ได้

1. ข่าวสารและสื่อ (News & Media Influence)

  • นักลงทุนบางคนรับข่าวสารมากเกินไป จนทำให้เกิดความกังวลหรือเปลี่ยนแผนการลงทุนบ่อยเกินไป

  • ข่าวเชิงลบอาจทำให้ตื่นตระหนกและขายหุ้นทั้งที่ยังไม่มีสัญญาณวิกฤตจริง

2. ความผันผวนของตลาด (Market Volatility)

  • ตลาดหุ้นสามารถผันผวนได้ตามปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve), วิกฤตเศรษฐกิจ, หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (เช่น สงครามหรือโรคระบาด)
  • นักลงทุนที่ไม่เตรียมตัวอาจตัดสินใจผิดพลาด เช่น เทขายตอนตลาดตกแรง ทั้งที่อาจเป็นโอกาสซื้อ

3. ดอกเบี้ยและสภาพคล่อง (Interest Rates & Liquidity)

  • อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้นถูกขายออก
  • สภาพคล่องในตลาดต่ำอาจทำให้การซื้อ-ขายทำได้ยาก และต้องยอมขายในราคาที่ต่ำ

4. แรงกดดันทางสังคม (Social & Peer Pressure)

  • นักลงทุนมือใหม่มักได้รับคำแนะนำจากเพื่อนหรือกลุ่มในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจไม่ถูกต้องเสมอไป
  • ความต้องการให้คนอื่นยอมรับ อาจทำให้ตัดสินใจตามกลุ่มมากกว่าตามเหตุผล

5. การใช้เครื่องมือการลงทุนผิดพลาด

  • การใช้ Leverage หรือการกู้เงินเพื่อเทรดโดยไม่มีแผนสำรอง อาจนำไปสู่การขาดทุนหนัก
  • การไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์การเงิน เช่น Options หรือ Futures อาจทำให้เสี่ยงเกินไป
     

สรุป

ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาดมาจาก อารมณ์, แรงกดดันจากสังคม, ข่าวสาร, ความผันผวนของตลาด, และการใช้เครื่องมือทางการเงินโดยไม่เข้าใจ วิธีป้องกันคือ มีแผนการลงทุนที่ดี, ควบคุมอารมณ์, ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ และกระจายความเสี่ยง

ทุกคนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจผิดพลาดในการลงทุนบ้างไหม? 

 

อีกข้อนึงที่เป็นกันบ่อยๆ Overtrade

การเทรดแบบ Overtrade คืออะไร?
Overtrade หมายถึงการซื้อขายสินทรัพย์มากเกินไปเมื่อเทียบกับเงินทุนที่มีอยู่ หรือการเข้าเทรดถี่เกินไปโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดทุนและการหมดตัวเร็วกว่าปกติ
 

สาเหตุของ Overtrade

1. ความโลภ (Greed)

  • ต้องการทำกำไรเร็วขึ้น หรืออยากเอาคืนหลังจากขาดทุน

  • ใช้ Leverage สูงเกินไป เพื่อเพิ่มผลตอบแทน

2. ความมั่นใจเกินไป (Overconfidence Bias)

  • คิดว่าตัวเองเก่งกว่าตลาด หรือสามารถจับจังหวะได้แม่นยำ
  • มั่นใจในสัญญาณทางเทคนิคหรือกลยุทธ์จนละเลยความเสี่ยง

3. การแก้แค้นตลาด (Revenge Trading)

  • เทรดหนักขึ้นหลังจากขาดทุน เพื่อพยายามเอาทุนคืน
  • มักทำให้ขาดทุนมากขึ้นเพราะเทรดโดยใช้อารมณ์

4. ความเครียดและอารมณ์ (Emotional Trading)

  • เทรดเพราะรู้สึกกดดัน หรือไม่อยากพลาดโอกาส (FOMO)
  • ทำให้เข้าออเดอร์มากเกินไปโดยไม่มีแผนรองรับ

5. การใช้ Leverage สูงเกินไป

  • ใช้ Margin เยอะเพื่อเปิดสถานะมากขึ้นโดยหวังผลกำไรมากขึ้น
  • เสี่ยงต่อการถูกบังคับปิดสถานะ (Margin Call)

6. การเข้าใจผิดเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด

  • เทรดมากขึ้นเพราะคิดว่าตลาดมีโอกาสทำกำไรสูง โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง
     

ผลเสียของ Overtrade

1. หมดตัวเร็วขึ้น

  • การเทรดบ่อย ๆ โดยไม่มีแผนทำให้พอร์ตลดลงเร็วขึ้น

2. ความเครียดและความกดดันสูง

  • เทรดมากเกินไปทำให้เกิดความเครียด และอาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาด

3. ค่าธรรมเนียมการเทรดเพิ่มขึ้น

  • ค่าคอมมิชชั่น, Spread, และค่า Swap อาจกินกำไรไปมากกว่าที่คิด

4. การตัดสินใจแย่ลง

  • เมื่อเทรดมากไป อาจพลาดการวิเคราะห์ตลาดที่ดี และเลือกจังหวะเข้าออกที่แย่

5. ขาดทุนสะสมโดยไม่รู้ตัว

  • เคยมั้ยเมื่อเทรดบ่อยเกินไป อาจไม่ได้สังเกตว่ากำลังเสียเงินเรื่อย ๆ วันนี้มีทริคมาแบ่งปันค่ะ มองหาวิธีป้องกันความเสี่ยง

 

วิธีป้องกัน Overtrade

1. มีแผนการเทรด (Trading Plan)

  • กำหนดจำนวนครั้งในการเทรดต่อวันหรือต่อสัปดาห์
  • มีเป้าหมายกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)

2. ใช้ความเสี่ยงที่เหมาะสม (Risk Management)

  • ลงทุนแต่พอดี เช่น ใช้ความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อออเดอร์
  • อย่าใช้ Leverage เกินตัว

3. ควบคุมอารมณ์ (Emotional Control)

  • ฝึกมีวินัย ไม่เทรดเพราะอารมณ์หรือความโลภ
  • ถ้ารู้สึกเครียดหรือกดดัน ให้หยุดพักก่อนตัดสินใจเทรด

4. ลดจำนวนการเทรดลง

  • เลือกเฉพาะออเดอร์ที่มีโอกาสดีจริง ๆ เท่านั้น
  • อย่าเทรดแค่เพราะอยาก "ทำอะไรสักอย่าง"

5. บันทึกการเทรด (Trading Journal)

  • จดบันทึกทุกออเดอร์ เพื่อดูว่าทำไมได้กำไรหรือขาดทุน
  • ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและปรับปรุงกลยุทธ์
     

สรุป

Overtrade เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้นักเทรดล้างพอร์ต เพราะเกิดจากความโลภ, ความมั่นใจเกินไป และการใช้อารมณ์ในการเทรด วิธีแก้ไขคือต้องมี วินัย, แผนการเทรดที่ดี, การบริหารความเสี่ยง, และการควบคุมอารมณ์

สุดท้ายต้องย้อนกลับมามองที่จุดเริ่มต้นเสมอ นั่นคือ Trade Setup เนื้อหาครั้งถัดไปจะมาพูดถึงประเด็นการสร้าง Trade Setup กันค่ะ