KEY
POINTS
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกันก่อน หลักๆจะแบ่งตามอายุการไถ่ถอน (maturity) ซึ่งพันธบัตรที่ประเทศต่างๆถือครองเป็นการรวม "พันธบัตรทุกรูปแบบและทุกช่วงอายุ" เรียกว่า U.S. Treasury Securities โดยปกติแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. Treasury Bills (T-Bills):
2. Treasury Notes (T-Notes):
3. Treasury Bonds (T-Bonds):
โดยประเทศส่วนใหญ่ถือ T-Notes และ T-Bonds เป็นหลัก เพราะให้ผลตอบแทนระยะยาว และมีตลาดรองที่ใหญ่
ส่วน T-Bills จะเป็นที่นิยมในช่วงตลาดมีความผันผวนสูงหรือดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะอายุสั้น เสี่ยงน้อย
โดยสัดส่วนการถือครองพันธบัตรของแต่ละประเทศเป็นดังนี้ (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2024)
1. ญี่ปุ่น ถือครองประมาณ 1.079 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2. จีน (แผ่นดินใหญ่) ถือครองประมาณ 760.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
3. สหราชอาณาจักร ถือครองประมาณ 740.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ U.S. Department of the Treasury+1 Reuters+1
4. ลักเซมเบิร์ก ถือครองประมาณ 409.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ U.S. Department of the Treasury
5. หมู่เกาะเคย์แมน ถือครองประมาณ 404.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Visual Capitalist+6 Reuters+6 Investopedia+6
6. เบลเยียม ถือครองประมาณ 377.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ U.S. Department of the Treasury
7. แคนาดา ถือครองประมาณ 328.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
8. ไอร์แลนด์ ถือครองประมาณ 318.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
9. บราซิล ถือครองประมาณ 301.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
10. ไต้หวัน ถือครองประมาณ 250.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยที่ผ่านมาจีนได้ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ และการใช้บัญชีผู้ดูแลในประเทศอื่น ๆ เพื่อปกปิดขอบเขตที่แท้จริงของการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ
ในขณะที่จีนลดการถือครอง ประเทศอื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก มีการเพิ่มการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การลงทุนหรือการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศ
เราลองมาประเมินกันคร่าวๆ ในหลายๆรูปแบบว่าอะไรจะเกิดขึ้น
1. ถ้าจีนขายพันธบัตรสหรัฐแล้ว “ไม่มีใครมาช้อนซื้อ” จะเกิดอะไรขึ้น?
2. ถ้าจีนขายออกมาแล้ว “มีคนมาซื้อ” จะเกิดอะไรขึ้น?
เพราะฉะนั้น ณ จุดนี้เลยประเมินว่าถ้าจีนเทขายพันธบัตรของอเมริกาออกมาจริงๆ ตรงนี้เลยคาดการว่าญี่ปุ่น และกองทุนเฮดฟันด์จะเป็นผู้ซื้อไป เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้เพิ่มสัดส่วนการถือเลยจากข้อมูลที่เปิดเผย แต่มุมหนึ่งถ้าญี่ปุ่นเก็บพันบัตรอเมริกาเพิ่มขึ้นเดาว่าเหตุการ Yen carry trade จะกลับมา
1. พันธบัตรสหรัฐฯ ได้รับแรงสนับสนุน → อัตราผลตอบแทน (yield) ลดลง
2. ญี่ปุ่นต้องแปลงเงินเยนเป็นดอลลาร์สหรัฐ → ทำให้เยนอ่อนค่า
3. เยนอ่อนค่า + ดอกเบี้ยญี่ปุ่นยังต่ำมาก เป็นปัจจัยบวกต่อ Carry Trade นักลงทุนต่างชาติจะยิ่งอยาก “กู้เยน → ไปลงทุนสินทรัพย์ดอกเบี้ยสูง”
จะเห็นว่าวัฏจักรนี้จะกลับมา และหมุนวนอย่างนี้แแบบไม่สิ้นสุด ดังนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ข่าวสาร และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบกับการวางแผนการลงทุนต่อไป ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผลตอบแทนพันธบัตรทั้ง 2,10,30 ปีก็พุ่งสูงขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีมาตรการบรรเทาความรุนแรงออกมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขยายเวลาการต่อรองเรื่องการปรับขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้าออกไปอีก 90วัน