เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 7

14 ธ.ค. 2568 | 06:14 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2568 | 06:26 น.

เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 7 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4157

KEY

POINTS

  • นำเสนอมุกตลกแนว "กวนโอ๊ย" หลายเรื่องเพื่อสะท้อนอารมณ์ขัน เช่น การทดสอบความรักระหว่างสุนัขกับแฟน หรือเรื่องสามีที่ไม่กลัวภรรยาเพราะเป็นคนซักผ้าเอง
  • เปรียบเทียบสโลแกนประจำชาติที่เน้นการพัฒนาของต่างประเทศ เช่น "Smart Nation" ของสิงคโปร์ หรือ "Creative Economy" ของเกาหลีใต้ กับประเทศไทย
  • เสนอสโลแกนเชิงเสียดสีสำหรับประเทศไทย เช่น "Me Too! (ฉันก็เช่นกัน!)" เพื่อสะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันและกระตุ้นให้ผู้มีอำนาจหันมาสนใจ

มีคนช่างคิดเขาเอามุกมาปล่อยเอาไว้ในโลกโซเชี่ยลนานแล้ว ผมเอามาอ่านแล้วขำกลิ้ง เพราะเราไม่ได้เลี้ยงหมาและไม่ได้ขาดแคลนแฟนมานานปี (ฮา)

มุกที่ว่านี้เขาเขียนเอาไว้แซ่บอีหลี มีเนื้อความ ที่ประเมินกันแบบคร่าวๆ หรือ เขลาๆ ได้พอสมควรว่า หลังจากลองทดสอบเสร็จ เป็นไปได้ว่า คนที่คิดมุกจะมีกระดูกครบทุกชิ้น แต่น่าจะไม่มีเนื้อติดตัวเหลืออยู่ (ฮา) วิธีทดสอบว่าใครที่รักเราจริงให้จับหมา ที่เราเลี้ยงไว้เอาไปขังไว้ในห้องแรก  

 

จับแฟนของเราเอาไปขังไว้ในห้องที่สอง ขังไว้สักหนึ่งยาม คือ กักตัวไว้สามชั่วโมง เพื่อความไม่ประมาท ก่อนจะเปิดประตูทั้งสองห้อง เราควรจะ สวมเสื้อเกราะ กับ หมวกกันน็อก และ สวดมนต์กันซวยเอาไว้ก่อน แล้วเราจะรู้เองว่า ระหว่าง หมา กับ แฟน ใครจะดีใจ หรือ ใครจะกัดเรา (ฮา) ปล. มีเพื่อนร่วมงานขอฝาก แถมความเห็นว่า หมาตัวแรกน่าจะเกิดในแผ่นดินเรา สำหรับแฟนคงจะข้ามชายแดนผลุบๆโผล่ๆ ไปๆ มาๆ (ฮา)

มีอีกคนหนึ่งที่ถลำลึกเข้าไปไกลลิบ จนกระทั่งเพื่อนมันรู้สึกอดใจเฉยไว้ไม่ได้จึงรีบแนะนำด้วยความห่วงใยว่า เฮ้ย เสื้อมึงมีรอยลิปสติกเต็มเลย ถ้าเมียเอาเสื้อเอ็งไปซัก เมียจะต้องเอาแกไปสอบ เจอเข้าแบบนี้เมียจะกระชากเอาไปตบแน่เลย

 

ผัวตัวดีก็คุยโวว่า โธ่เอ๊ย เอ็งไม่รู้เลยรึว่า ข้าเป็นใคร เพื่อนก็ถามว่า เอ็งจะโม้ว่ามึงไม่กลัวเมียใช่ไหมล่ะ ผัวตัวดีหัวเราะแล้วย้อนกลับว่า ปั๊ดโธ่ จะไปกลัวอะไร ข้านี่แหละที่เป็นคนซักผ้า (ฮา)

ผมขอโหนกระแสการบ้าน และ ดูดแสงการเมือง เอามาแปะไว้ทันที สองมุกนี้เข้าข่าย กวนโอ๊ย ชัดเจน อิๆ

คนที่สามแกจะ กวนโอ๊ย เดือนละสองยก แกพูดขึงขังหนักแน่นว่า อย่ามัวแต่คุยไร้สาระ บ้านเมืองยังลำบากอยู่ไม่ใช่น้อย จะหันไปมุมไหนก็แอบขึ้นราคาแพงกว่าปกติทุกกกระแส เจอป้ายก็แทบจะเป็นลม ไม่รู้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อ เขาเขียนไว้แบบไม่แยแสว่า ซื้อสองใบโดนเข้าไป 12 ล้าน จะให้เอาตังค์ที่ไหนไปซื้อ (ฮา) 

                            เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 7

ผมไม่ปฏิเสธว่าผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ติดนิสัย เฮฮาพาที ทุกวี่ทุกวัน ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าไทยเราจะไม่มีสาระ ผมดูหนังเรื่องไหน ได้ชั้นเชิงกับคติพจน์มาทุกครั้ง ผมซื้อหนังสือมาทุกเล่ม ได้ความรู้ควบคู่กับมุก ติดสมองมาทุกคราว ผมเสียดายถ้าคนไทยเรายังไม่รู้ว่า ประเทศไหนบ้างที่เขามี สโลแกนเชิงสัญลักษณ์ ประจำประเทศ 

อย่างเช่น………

• Made in China

ผลิตในจีน

• Made in India

ผลิตในอินเดีย

• Smart Nation

ประเทศอัจฉริยะ

สโลแกนของประเทศ สิงคโปร์

• Creative Economy

เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

สโลแกนของประเทศ เกาหลีใต้

• A Nation of Maker

ประเทศแห่งผู้สร้างสรรค์

สโลแกนของประเทศ อเมริกา

• Design in Innovation

การออกแบบเพื่อนวัตกรรม

สโลแกนของประเทศ อังกฤษ 

(สโลแกนสามรายชื่อด้านล่างผมรอมานานสักวันท่านนายกฯ จะได้รู้)

• Me Too!

ฉันก็เช่นกัน!

(สโลเกียร์ของประเทศเราเอง)

• Different Sweet Spot

จุดที่ลงตัวที่แตกต่าง

(สโลแกนของประเทศที่ผมรอมานาน สักวันจะเสนอท่านนายกได้)

• Nice People

คนดี

(สโลแกนขององค์การ ที่ผมฝันเผื่อไว้) 

ใครจะอยู่ ใครจะไป ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ยกเว้น วุ้นเส้น มีแนวโน้มสูงมาก ชีวิตมันพิสดารอยู่อย่างหนึ่ง ใครก็ตามที่พยายามถีบคนอื่นลงไป ถีบตัวเองขึ้นมา ฟ้าดินมักจะดึงขึ้นสูงกว่าที่เขาอยากจะได้ หลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจ เขาก็จะร่วงลงมาโดยไม่มีอะไรเป็นสิ่งรองรับ (ฮา) 

เว้นไว้เสียแต่ ใจกล้าพอที่จะเดินทางไปกราบเท้าให้ทั่วถึงทั้งสามพิภพ คงจะทุเลาได้บ้างตามสมควร!

คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4157