JKN (Do or Die) ไปต่อหรือพอแค่นี้ !!!

07 ต.ค. 2568 | 23:30 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2568 | 01:00 น.

JKN (Do or Die) ไปต่อหรือพอแค่นี้!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย..เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

KEY

POINTS

  • JKN เสี่ยงถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิกถอนหุ้น (Delisting) จากการไม่นำส่งงบการเงินตามกำหนดและเปิดเผยข้อมูลเท็จ
  • ปัจจุบันหุ้น JKN ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขาย และบริษัทได้เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการภายใต้คำสั่งศาลล้มละลายกลาง
  • ผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 21,000 คนอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากหุ้นถูกเพิกถอนถาวรโดยไม่มีการเปิดให้ซื้อขายชั่วคราว

ดูเหมือนว่าช่วงนี้กระแสข่าวของ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN ของ แอน “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” จะเริ่มกลับมาให้ได้ยินกันบ่อยๆ ทั้งที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามซื้อขายหุ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2567 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินไตรมาส 1/67 ซึ่งจนถึงตอนนี้บริษัทก็ยังส่งงบไม่ได้ 

ก่อนที่ต่อมาศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งให้ JKN เข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ส่งผลให้ JKN เริ่มผ่องถ่ายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงไปให้บริษัทอื่นเช่าดำเนินการต่อ เช่น ในกรณีล่าสุดการขายสิทธิ์การจัดประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe) รวมทั้งสิ้น 5 ปี ให้กับ MGI ของ “ณวัฒน์ อิสระไกรศีล” ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 68 

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้หุ้นสามัญของ JKN เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Delisting) เพิ่มเติม กรณีเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จในงบการเงินประจำปี 2566 และแบบแสดงรายการ ข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทไม่สามารถนําส่งรายงานดังกล่าวได้ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด 

พร้อมกันนี้ ตลาดฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า JKN เป็นบริษัทที่มีเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 กรณีไม่นําส่งงบการเงิน ไตรมาส 1 ปี 2567 ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน และต่อมาปรากฏว่า JKN ไม่ได้นําส่งงบการเงินประจำปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน เพิ่มเติมเข้า 1 งวดอีกด้วย

หมายความตรงตัวว่า ตลาดฯ กำลังมองว่า JKN เพิกเฉยต่อสิ่งที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย จะต้องปฏิบัติอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้าหาก JKN ยังเดินหน้าในแนวทางนี้ โดยที่ไม่สนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบใดตามมาได้บ้าง !

อย่างแรก คงหนีไม่พ้นไปจากการที่ ตลท. จะต้องสั่งเพิกถอน (Delisting) หุ้นสามัญของ JKN ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งจะมีผลให้หุ้น JKN ไม่สามารถซื้อขายได้อีกต่อไป โดยในกรณีนี้มักจะมีแนวทางปฏิบัติ ไม่ต่างไปจากบริษัทอื่นก่อนหน้าที่ถูกเพิกถอนหุ้นออกจากตลาด โดยอาจกำหนดเวลาให้หุ้นของ JKN สามารถกลับเข้ามาซื้อขายชั่วคราว ก่อนที่จะเพิกถอนออกไปจากตลาดถาวร 

ซึ่งก็หมายความว่าผู้ถือหุ้นของ JKN มีโอกาสที่จะเปลี่ยนหุ้นในมือให้กลับมาเป็นเงินสดอีกครั้ง แต่ส่วนที่ว่าจะได้เป็นเงินกลับมามากหรือน้อยนั่นก็คงเป็นอีกเรื่อง

อย่างที่สอง ในกรณีที่ ตลท. ไม่เปิดโอกาสให้ JKN กลับมาซื้อขายชั่วคราวก่อนถูกเพิกถอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ก่อนที่จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) แบบยาวๆ ทาง ตลท. ได้เปิดให้ซื้อขายหุ้น JKN เป็นเวลา 1 เดือน มาก่อนนี้แล้ว ซึ่งหากไม่สามารถกลับมาซื้อขายได้อีก หมายความว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 21,390 คน จะต้องถือหุ้นของ JKN ไปจนกว่าจะหาคนมาซื้อหุ้นนอกตลาดฯ ที่มีอยู่ในมือให้ได้ 

แต่หากขายหุ้นไม่ได้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านี้ ก็จะต้องถือหุ้นไปเรื่อยๆ หากในอนาคตบริษัทฯ มีผลงานดี และมีการจ่ายปันผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่มี...ก็คงจะได้แต่ทำใจเท่านั้น

มาถึงตอนนี้ก็คงจะต้องรอดูว่า ทางฝั่งเจ้าของและผู้บริหารของ JKN มีความจริงใจในการที่จะนำพาบริษัทให้สามารถกลับมาอยู่ในสถานะของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่...แค่ไหน

แน่นอนว่า การที่บริษัทแห่งหนึ่งใช้เวลาในการอยู่ในตลาด ไม่ถึง 7 ปี (JKN เข้าตลาดวันที่ 30 พ.ย. 2560 จนถึงถูกห้ามซื้อขายหุ้น วันที่ 16 พ.ค. 2567) มาจนถึงขั้นที่ถูกกล่าวโทษว่า เปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จรวมถึงไม่ยอมส่งงบการเงิน ในขณที่ผู้บริหารก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังมีชีวิตที่หรูหราจากสินทรัพย์ที่มีอยู่จนล้น มันก็ดูแปลกๆ และเป็นอะไรที่น่าคิด!!!

เอาเป็นว่าคงต้องดูกันต่อไปนะคะ...นาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ JKN จะ Do or Die (ไปต่อหรือพอแค่นี้) ก็ไม่ได้มีแค่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ต้องมารับเคราะห์ เพราะยังมีเจ้าหนี้อีกเป็นจำนวนมากที่รออยู่ ดังนั้นถ้าไม่ช่วยกัน ก็อาจจะต้องมาซวยตามไปด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย..เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์