KEY
POINTS
*** สงครามการค้าโลกที่เน้นหนักไปที่คู่แข่งหลักอย่างสหรัฐอเมริกา และ จีน สร้างผลกระทบไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ตัวเลขทางการค้าระหว่างประเทศลดลง เกิดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของโลก และแต่ละประทศชะลอตัว
โดยเฉพาะที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศสหรัฐ ซึ่งถือได้ว่าเป็น “บริโภคนิยมสุดโต่ง (Hyper Consumerism) ได้รับผลกระทบ และยิ่งเมื่อ โดนัล ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย แม้สงครามเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ และจีน จะยังคงอยู่ แต่ความพยายามในการลดดอกเบี้ยเพื่อเศรษฐกิจและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศถือเป็นนโยบายหลักที่ โดนัล ทรัมป์ พยายามกดดันธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มาตลอดตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
จนล่าสุด...เมื่อเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 4.00% - 4.25% และยังส่งสัญญาณว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงทรงตัวอยู่สูงก็ตาม
ในส่วนของประเทศไทย...การที่ วิทัย รัตนากร ซึ่งมีแนวโน้มว่า มีนโยบายทางการเงินที่ยืดหยุ่นเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ รวมไปถึงก่อนหน้านี้ กนง. ก็ยังได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ก็ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจธนาคารของไทย โดยเฉพาะธนาคารใหญ่ทั้ง KBANK BBL SCB KTB และ TTB จะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ว่าแต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธนาคารเหล่านี้จะเป็นอย่างไร....
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า การลดดอกเบี้ยทุก 0.25% จะส่งผลลบต่อกําไรของกลุ่มธนาคารมากที่สุด ลดลง 3.6% โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น KBANK ลดลง 5.67% KTB ลดลง 5.33% BBL ลดลง 5% SCB ลดลง 4% เนื่องจากมีพอร์ตสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัว และสัดส่วน CASA สูง ทำให้ NIM หดตัว ซึ่งนั้นก็หมายความว่า รายได้ของธนาคารใหญ่มีแนวโน้มลดลงตามทิศทางของดอกเบี้ยที่ลดลงนั่นเอง
คราวนี้หากมองผ่านมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะพบว่า ธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น KBANK BBL SCB และ KTB ในไตรมาส 3/68 ของทั้ง 4 ธนาคารดูเหมือนมีแนวโน้มว่า กำไรจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยนักวิเคราะห์ บล. ฟิลลิป คาดกลุ่มธนาคาร 8 ธนาคารที่ทำการศึกษาจะมีกำไรไตรมาส 3/68 รวมกัน 6.48 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าการหดตัวลงของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดต่ำลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68
แต่การเพิ่มขึ้นของกำไรของ KTB และ KBANK ทำให้กำไรของทั้งกลุ่มเพิ่มสูงขึ้น จากการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลง ส่วนทาง SCB จะเป็นธนาคารที่กำไรโดดเด่นที่สุด เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไร 1.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงมากของการตั้งสำรอง และยังมีกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น
ส่วนเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน คาดว่า KTB จะมีกำไรโดดเด่นที่สุด โดยคาดว่าจะมีกำไร 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองลดลง และอาจจะมีกำไรจากการแปลงหนี้เป็นทุนหุ้น THAI ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ค. ทุกธนาคารมีสินเชื่อหดตัวทั้งหมดยกเว้น SCB และในเดือน ส.ค. ทุกธนาคารก็ยังมีสินเชื่อหดตัวต่อ ยกเว้น BAY ธนาคารเดียวที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้คาดว่าสินเชื่อของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/68 จะยังคงหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2/68 และอาจจะหดตัวมากกว่า โดยคาดว่าจะหดตัว 1.4% จากไตรมส 2/68 ที่สินเชื่อหดตัว 0.5%
ดังนั้น ถึงแม้ว่ากลุ่มธนาคารจะได้รับผลจากสินเชื่อที่หดตัวรวมไปถึงการปรับลดของผลตอบแทนสินเชื่อ จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากการปรับลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังคาดว่า กำไรของกลุ่มในปี 68 จะยังเติบโตได้ 6.8% จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไร 2.6 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 2.4 แสนล้านบาท จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและมีการตั้งสำรองลดลง
อย่างไรก็ตาม ทิศทางดอกเบี้ยขาลงที่เกิดจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย ใช้ว่าจะเกิดแต่ผลลบซะทีเดียว เนื่องจากกลุ่มธุรกิจอื่นกลุ่มที่พอจะได้อานิสงส์ จากการปรับลดดอกเบี้ยก็ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
• หุ้นกลุ่มลีส ซิ่ง เนื่องจากดอกเบี้ยขาลง จะทำให้ต้นทุนลดลง ซึ่งประกอบไปด้วย MTC TIDLOR SAWAD THANI SCAP
• หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากแรงซื้อ เช่น SPALI SIRI LH AP
• หุ้นกลุ่มหนี้สูง เช่น CPALL MINT
• หุ้นท่องเที่ยว ที่จะได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อน เช่น AOT
ก็อย่างว่า...ไม่ว่าทิศทางดอกเบี้ยจะขึ้นหรือลงก็ไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่ากำไรของธนาคารใหญ่เหล่านี้ จะลดลงแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นขาดทุน และจะเป็นไปในทิศทางใดก็ตามหากมีผู้เสียผลประโยชน์ ในทางกลับกันก็จะมีผู้ได้รับอานิสงส์ในทางบวกเช่นกัน ไม่ต้องไปคิดอะไรให้ปวดหัวมากเกินไปเจ้าค่ะ
คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์