บทบาท DEFA ในการสร้างโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน

10 ธ.ค. 2568 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2568 | 05:38 น.

บทบาท DEFA ในการสร้างโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน : คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย... ผศ.ดร.สินีนาฏ เสริมชีพ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฉบับ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4156

KEY

POINTS

  • DEFA เป็นกรอบความตกลงที่มุ่งสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ โดยคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเป็นกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030
  • สร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ผ่านการอำนวยความสะดวกด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี
  • ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ด้วยการสร้างมาตรฐานและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานและยกระดับทักษะแรงงานด้านดิจิทัลในภูมิภาค

ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และข้อมูลการเชื่อมโยงทางดิจิทัลระหว่างประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันและการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคอาเซียน การก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นความจำเป็นเพื่อรักษาความสามารถ ในการแข่งขันสร้างโอกาสทางธุรกิจ และดึงดูดเงินลงทุนจากทั่วโลก 

ดังนั้น กรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน จึงถูกผลักดันให้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมือ และมาตรฐานร่วมกันในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน กรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework Agreement) หรือ DEFA เป็นกรอบความตกลงด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ที่เน้นความสามารถในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างไร้รอยต่อ (Interoperability) 

และสร้างความเข้ากันได้ระหว่างระบบต่าง ๆ (Compatibility) เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า และการลงทุนในภาคดิจิทัล สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และ ขนาดย่อม (Micro, Small, and Medium Enterprises: MSMEs) ในเศรษฐกิจดิจิทัล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค โดยมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่น (Resilience) ให้กับเศรษฐกิจดิจิทัล 

จากงานวิจัยของ Boston Consulting Group (BCG) คาดการณ์ว่า เมื่อ DEFA มีผลบังคับใช้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนเป็นมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030

 

ทั้งนี้ การจัดทำ DEFA เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายหลักของแผนงานบันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan Roadmap: BSBR) เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน ให้เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน หลังปี 2025

เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงเศรษฐกิจดิจิทัล DEFA มีองค์ประกอบเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าดิจิทัล สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพสำหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-border e-commerce) ระบบการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัล (Digital ID) ความปลอดภัยออนไลน์ และความมั่นคงไซเบอร์ นโยบายการแข่งขันทางการค้าที่ส่งเสริมตลาดดิจิทัลที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง 

การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์การไหลเวียนข้อมูล และคุ้มครองข้อมูลข้ามพรมแดนการสร้างกลไกสำหรับความร่วมมือด้านด้านมาตรฐาน และกฎระเบียบสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายแรงงานทักษะสูงในภูมิภาค ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาและจัดทำ DEFA จะแล้วเสร็จในปี 2026

DEFA จะมีบทบาทต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอาเซียน โดย (1) สร้างโอกาสทางการค้าใหม่ โดยช่วยเปิดตลาดดิจิทัลให้กว้างขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและบริการออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจ MSMEs ที่สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น 

(2) ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ เนื่องจากเมื่อมีมาตรฐานและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ จะช่วยให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นในการลงในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ DEFA ยังช่วยอำนวยความสะดวก และลดต้นทุนสำหรับการค้าและการลงทุน ซึ่งเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามา จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรม 

(3) ผลักดันการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ โดยสร้างตลาดดิจิทัลที่รวมเป็นหนึ่งเดียว (A unified digital market) ซึ่งขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น จูงใจให้สตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยี ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และ (4) สร้างงานและพัฒนาทักษะแรงงาน โดยการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล จะนำไปสู่ความต้องการแรงงานที่มีทักษะทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสการจ้างงาน และยกระดับทักษะแรงงานในภูมิภาค 

แม้ DEFA จะมีศักยภาพสูงในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องรับมือคือ

(1) ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital divide) ทั้งระหว่างประเทศสมาชิกที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีต่างกัน และระหว่างบริษัทและกลุ่มคนในประเทศ ที่มีความสามารถในการเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากตลาดดิจิทัลที่ต่างกัน ซึ่งควรมีแนวทางในการพัฒนา และช่วยเหลือกลุ่มที่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตลาดดังกล่าวได้

(2) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยไซเบอร์ (Data privacy protection and cybersecurity) ซึ่งแม้ DEFA จะช่วยให้มีมาตรฐานและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติ อาจยังคงมีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และ ภัยจากไซเบอร์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และลดความเสี่ยงสำหรับการประกอบธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงแนวทางในการรับมือกับภัยไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ ๆ 

(3) ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และ ระบบการชำระเงินดิจิทัล เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล สำหรับในภาพรวมอาเซียนมีระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก แต่ยังคงมีการพัฒนาในระดับที่แตกต่างกันเมื่อพิจารณารายประเทศ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเชื่อมโยงตลาดดิจิทัลในภูมิภาค 

และ (4) การปรับตัวของกฎระเบียบและนโยบายให้สอดคล้องกันในระดับภูมิภาค ในปัจจุบัน แม้ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล และออกระเบียบเกี่ยวกับการกำกับดูแลข้อมูล (Data governance) เพื่อให้มีการจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และถูกต้องตามข้อกำหนด หากแต่กฎระเบียบด้านดิจิทัลในอาเซียน ยังคงไม่ประสานกัน (Fragmented regulation) จึงทำให้การดำเนินการ (Implementation) ตาม DEFA เป็นความท้าทายที่สำคัญ

นอกจากนี้ ประเด็นส่งท้ายที่สำคัญคือ การเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนมีแรงสนับสนุนส่วนหนึ่ง จากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยง ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และอีกส่วนหนึ่งจากการเชื่อมโยงกับประเทศคู่เจรจานอกอาเซียน 

ดังนั้น ควรคำนึงถึงแนวทางการเชื่อมโยง DEFA กับความตกลงในกรอบอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (Interoperability) กับประเทศนอกกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันในเศรษฐกิจเติบโตต่อไปในอนาคต

คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย... ผศ.ดร.สินีนาฏ เสริมชีพ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฉบับ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4156