วิเคราะห์การเลือกตั้งของเมียนมา

28 ก.ย. 2568 | 22:30 น.

วิเคราะห์การเลือกตั้งของเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเมียนมาเตรียมจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบอำนาจให้รัฐบาลชุดใหม่และสร้างความชอบธรรมในเวทีสากล
  • มีการนำเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (EVMs) มาใช้ในการเลือกตั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและป้องกันการทุจริต แต่ยังคงมีข้อกังขาเรื่องความไม่ทั่วถึงและความโปร่งใส
  • ก่อนการเลือกตั้งมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญทางการเมืองหลายตำแหน่ง โดยเพิ่มบทบาทของพลเรือนในรัฐบาล เพื่อเตรียมการสำหรับรัฐบาลชุดใหม่
  • แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่เมียนมายังคงเผชิญความท้าทายสำคัญด้านความขัดแย้งภายในประเทศ การสร้างสันติภาพ และการยอมรับจากนานาชาติ

วิเคราะห์การเลือกตั้งของเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์



ช่วงเวลานี้ หากเราสังเกตให้ดี จะเห็นภาพรัฐบาลเมียนมายุคปัจจุบัน กำลังเร่งงานกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อวางรากฐานในการส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งถ้าหากวิเคราะห์เจาะลึกลงไปว่า เขาจะสามารถทำการเลือกตั้งให้บรรลุจุดประสงค์ได้หรือไม่? แม้จะเป็นคำถามที่ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ผมก็เชื่อว่าเขาน่าจะจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่นอนครับ

เหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็มีหลายปัจจัยที่รัฐบาลเริ่มทำให้เห็นว่า มีความจริงจังที่จะจัดการให้ได้ แม้ว่าจะมีมุมมองจากหลายฝ่ายว่า นั่นจะเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อล้างมลทินให้กับกลุ่มบางกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็มองโลกในแง่บวกว่า การมีการเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นการใช้รัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตาม ก็ยังดีกว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเลย หรือแม้จะเป็นการเลือกตั้งที่มีความเอนเอียงไปบ้าง ก็ยังถือว่านั่นเป็นบริบทของการใช้รัฐธรรมนูญของประเทศเขา ซึ่งเขามีขนบธรรมเนียมหรือประเพณีปฏิบัติ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศเขาเอง เราคนนอกก็ได้แต่ส่งกำลังใจไปให้เขา ขอให้สันติภาพเกิดขึ้นโดยเร็วเท่านั้นครับ

หากเรามามองความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศเมียนมา โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีไปร่วมสิบตำแหน่ง ที่สำคัญคือท่าน อู นโยว ซอ (U Nyo saw) ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี (ท่านเป็นอดีตผู้บริหาร MEC และ MEHLที่เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่สำคัญของรัฐบาลเมียนมา) และมีการปรับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอีกหลายตำแหน่ง

อีกทั้งท่านพลเอกอาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีและเป็นประธาน SSPC ต่อมาในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่านอดีตประธานาธิบดีรักษาการ อู มินต์ ส่วย (U Myint Swe) ได้ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยโรคพาร์กินสันในวัย 74 ปี รัฐบาลเมียนมาได้มีการปรับเปลี่ยนสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council : SAC) มาเป็นสภาความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ(State Security And Peace Commission :SSPC) 

เราจะเห็นว่าการเมืองในประเทศเมียนมาได้มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาและมีการมุ่งเน้นไปในทิศทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ยิ่งมีการประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 28 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ถ้าเรามองในมุมบวก ก็จะเสมือนว่าเป็นการเตรียมการส่งไม้ต่อหรือหาบันไดลงจากอำนาจที่งดงามมาก แต่อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลเมียนมาได้ตระเตรียมการเลือกตั้ง ด้วยการจัดซื้อเครื่องลงคะแนนเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voting Machine : EVMs) มาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากถึงจำนวน 50,000 เครื่อง (ที่มา: Ministry of Information เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2025) ก็ยังคงมีข้อกังขาจากฟากฝั่งของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล

ซึ่งคิดว่าการสำรวจสำมะโนประชากรของประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลยังไม่สามารถทำได้ทั่วถึง อีกทั้งจำนวนเครื่อง EVMs มีไม่มากพอสำหรับการลงคะแนนเสียงในทุกเขตเลือกตั้ง ดังนั้นคงจะใช้ได้เฉพาะเขตบางเขตที่ไม่มีการขัดขวางจากกลุ่มฝ่ายต่อต้านเท่านั้น อย่างไรก็ตามในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมก็ยังคิดว่ามี EVMs ให้ใช้ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เปิดช่องการเลือกตั้งแบบกาบัตรที่สามารถสอดแทรกความอยุติธรรมได้ทุกขั้นตอนครับ

การที่รัฐบาลเมียนมาได้นำเอาเครื่อง EVMs มาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเมียนมามีความพยายามในการสร้างภาพลักษณ์ของความทันสมัยและมีความชอบธรรมมากขึ้น เพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า รัฐบาลกำลังเดินเข้าสู่ประเทศ “ประชาธิปไตยที่มีระเบียบวินัย (Disciplined Democracy)” ซึ่งในภูมิภาคเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่มีประเทศไหนกล้าหาญพอที่จะนำระบบนี้มาใช้ เพราะนั่นเป็นการปิดกั้นการทุจริตเลือกตั้ง ไม่ให้กระทำกันได้ง่ายๆนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การควบคุมผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง หากไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวดและโปร่งใส โดยมีผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมืองทุกพรรค ประชาชนทุกหมู่เหล่า และถ้าจะให้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ ก็ควรมีองค์กรสากลเข้ามาสังเกตการณ์ด้วย เพื่อให้การทำงานของซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง การลงคะแนน การบันทึกผลคะแนน เป็นไปอย่างเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม ก็จะสามารถลบคำครหาจากผู้ที่ต่อต้านได้ครับ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่รัฐบาลน่าจะจัดการเลือกตั้งให้ได้ คือการเลือกตั้งในครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลเมียนมามีความชอบธรรม (Legitimacy) ในเวทีสากลมากขึ้น แม้ว่าการเลือกตั้งดังกล่าว จะไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความพยายามในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศเมียนมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากจะทำให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น รัฐบาลเมียนมาต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้ดูมี “พลเรือน”เข้ามาร่วมรัฐบาลมากขึ้น โดยไม่ให้มีแต่ทหารเท่านั้นที่จะเป็นรัฐมนตรีได้ หรือพูดง่ายๆก็คือหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ต้องเป็นรัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศก่อน ซึ่งหากจะมองจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่ที่ผ่านมา ในช่วงสิงหาคมนั้น ก็ได้มีรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือนอยู่หลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละท่านที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ล้วนมีผลงานที่โดดเด่นมาก่อนแทบทั้งสิ้น จึงเชื่อได้ว่านี่เป็นการส่งไม้ต่อไว้รอการมาของรัฐบาลชุดใหม่นั่นเองครับ

นอกจากนี้การที่รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งหน้า เชื่อว่าจะนำพาเอาสันติภาพในเบื้องต้นเข้ามาสู่ประเทศเมียนมาได้ แน่นอนว่านั่นก็ไม่ง่ายเลยที่จะลดปัจจัยความท้าทายได้ทั้งหมด เช่น ความท้าทายด้านความขัดแย้งและความไม่มั่นคง (Civil War and Instability) ที่ทำให้เกิดการคว่ำบาตรของฝ่ายต่อต้าน

นอกจากนี้ยังมีการยอมรับจากนานาชาติ ที่ไม่เพียงแต่ชาติตะวันตกเท่านั้น แม้แต่บางชาติในสมาชิกอาเซียนเอง ก็ยังมีให้เห็นอยู่ครับ ดังนั้นเราในฐานะของชาติที่มีดินแดนติดกันกับเมียนมา ยาวกว่าสองพันสี่ร้อยกิโลเมตร เราต้องส่งกำลังใจไปให้ประเทศเมียนมาทุกฝ่าย ให้ฝ่าฟันความท้าทายนี้ไปให้ได้ ขอให้นำพาเอาสันติภาพกลับคืนมาสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ด้วยครับ