KEY
POINTS
ช่วงนี้มีคำถามจากเพื่อนๆ ที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติถามเข้ามาเยอะมาก คำถามเช่น รัฐบาลไทยชุดนายกแพทองธารได้ลงจากการบริหารประเทศ จากนี้ไปประเทศไทยจะไปทางไหน? รัฐบาลใหม่ของฯพณฯท่านนายกอนุทิน หน้าตาจะออกมาอย่างไร? ส่วนชาวจีนก็จะถามว่าฯพณฯท่านนายกอนุทินเป็นคนเชื้อสายจีน จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนดีกว่าเดิมหรือไม่? ซึ่งผมก็ตอบกลับไปว่า ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจไทยคนหนึ่ง ที่ใส่ใจในการเมืองภายในประเทศไทยไม่น้อยกว่าการเมืองของประเทศเมียนมา แต่ผมก็ไม่อยากจะวิเคราะห์การเมืองไทย ผ่านช่องทางสื่อ เพราะผมเชื่อว่าไม่ว่าท่านใดหรือรัฐบาลไหนเข้ามาบริหารประเทศ ทุกท่านต้องคาดหวังให้เศรษฐกิจไทยฟื้นเร็วๆ ด้วยกันหมดนั่นแหละครับ หน้าตารัฐบาลไทยจะเป็นอย่างไรคงต้องรอกันอีกไม่กี่วัน ก็จะได้เห็นกันแล้วครับ เรามาเมียงมอง-เมียนมากับผมต่อน่าจะสนุกกว่าและดีกว่ามั้ยครับ
ในประเทศเมียนมาเอง หลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก่อน ก็ได้ปรับเอารัฐมนตรีที่มีความชำนาญด้านเศรษฐกิจ และด้านความมั่นคงเข้ามาหลายท่าน อีกทั้งมีการประกาศให้มีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเมียนมาเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร
การปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เพื่อปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้เปิดใช้งาน มาวันนี้ก็ได้มีข่าวการรุกคืบเข้ามาของกองทัพเข้าสู่รัฐกระเหรี่ยง โดยสามารถควบคุมถนนสายเอเชีย 1 (AH 1) ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ทำให้วัตถุประสงค์ที่เคยประกาศไว้ว่า การปิดสะพานเพื่อปราบปรามการค้าผิดกฎหมาย ผมคิดว่าคงไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น คงมี “วาระพิเศษ” อยู่เบื้องหลังบ้างแล้วครับ ดังนั้นคงต้องดูกันต่อไปครับ
ผมได้เคยเล่าว่า ช่วงระยะสองสามเดือนมานี้ รัฐบาลเมียนมาได้มีการปรับนโยบายต่างๆ ออกมาหลายระลอก เป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง อีกทั้งยังต้องเตรียมการเพื่อส่งมอบอำนาจ ให้แก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนมกราคมปี 2026 อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีจากรัฐบาลชุดเดิมมาสู่รัฐบาลชุดใหม่ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิมมากนัก ในส่วนทางด้านเศรษฐกิจของเมียนมา ก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
เหตุผลที่ผมมีมุมมองเช่นนั้น เป็นเพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เป็นชุดที่ชาวเมียนมาน่าจะฝากผีฝากไข้ได้ เพราะแต่ละท่านที่เข้ามาดูแลกระทรวงต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของประเทศทั้งสิ้น และการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ น่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรค USDP อย่างแน่นอน ดังนั้นผมจึงเชื่อว่ารัฐมนตรีชุดใหม่ คงจะมีรัฐมนตรีชุดนี้เข้าไปรับหน้าที่ต่ออีกไม่น้อย นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมนะครับ
สำหรับการปรับรัฐมนตรีด้านความมั่นคงครั้งที่ผ่านมานี้ มีอยู่สองตำแหน่งที่มองแล้วน่าจะมีนัยสำคัญ ของการวางรากฐานรัฐบาลหลังการเลือกตั้งในครั้งหน้า นั่นคือรัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดน โดยฯพณฯท่านพลโท ญ่า เปียะ (Yar Pyae) ที่มาจากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โดยฯพณฯท่านพลโท ทุน ทุน หน่อง (Tun Tun Naung) ที่มาจากกระทรวงกิจการชายแดน หรือพูดง่ายๆ ก็คือการสลับตำแหน่งของทั้งสองท่าน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของท่านพลเอกอาวุโส เมียน อ่อง หล่ายทั้งสองท่าน แต่ละท่านก็มีฝีมือไม่ธรรมดาทั้งคู่ครับ
ผมอยากให้จับตามองท่านแรกเป็นพิเศษ นั่นคือ พลโท ญ่า เปียะ(Yar Pya) ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทโดดเด่นในรัฐบาลเมียนมามาโดยตลอด ท่านเคยเป็นประธานคณะกรรมการเจรจาเพื่อความเป็นปึกแผ่นและสร้างสันติภาพแห่งชาติ (NSPNC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลเมียนมา ในการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ซึ่งท่านคุ้นเคยกับกลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความเข้าใจความซับซ้อนของประเด็นขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนเป็นอย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามผมจึงเชื่อว่าท่านเป็นนายทหารที่ยังคงมีความเป็นกลางในการเจรจา ที่น่าจะสามารถนำพาสันติภาพมาสู่เมียนมาได้
อีกท่านหนึ่งคือรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ฯพณฯท่านพลโท ทุน ทุน หน่อง ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีหน้าที่ควบคุมกองกำลังตำรวจและราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นงานหลักของการรักษาความสงบและความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งยังควบคุมความเคลื่อนไหวของประชาชน ซึ่งในช่วงที่เกิดความไม่สงบขยายวงกว้าง และมีกองกำลังต่อต้านรัฐบาล(PDFs) ในขณะนั้นท่านได้รับหน้าที่ในการคุมกระทรวงกิจการชายแดน ที่มีพื้นที่ของกลุ่มก้อนกองกำลังเหล่านี้อยู่ เราจะเห็นภาพข่าวของความเด็ดขาดในการควบคุมและปราบปรามอยู่เสมอ การที่ท่านได้รับหน้าที่โยกย้ายเข้ามาคุมกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ นอกจากจะคุมความเคลื่อนไหวของประชาชนแล้ว ยังคุมกองกำลังตำรวจที่น่าจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อย จึงเชื่อว่าหน่วยเบื้องสูงไว้วางใจและน่าจะเห็นปัญหาอะไรที่ชัดเจนอย่างแน่นอน จึงได้เลือกตัวท่านมาทำหน้าที่นี้ครับ
หากการเลือกตั้งครั้งหน้าในวันที่ 28 ธันวาคมเกิดขึ้น การฟอร์มรัฐบาลใหม่ของเมียนมา น่าจะเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนหลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง ผมมีความเชื่อว่าถ้าหากเป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ พรรค USDP จะต้องชนะการเลือกตั้งเข้าบริหารประเทศเมียนมาอีกครั้ง ทั้งฝ่ายเศรษฐกิจ(โอกาสหน้าจะวิเคราะห์เจาะลึกให้อ่านนะครับ) และฝ่ายความมั่นคงน่าจะไม่เกินความคาดหมาย คือ
จะต้องมีรัฐมนตรีเก่าเข้ามารับตำแหน่งใหม่อีกครั้ง หรืออาจจะได้เห็นรัฐมนตรีหน้าใหม่อีกสักส่วนหนึ่ง ที่เคยมีผลงานในการบริหารงานในหน่วยงานสำคัญๆ อีกหลายหน่วยงาน เข้ามาเสริมทัพอย่างแน่นอนครับ ดังนั้นเพื่อนๆผู้ประกอบการหลายท่าน ที่เข้ามาปรึกษาผม เรื่องการดำเนินกิจการที่เมียนมา คงจะรอเวลาอีกไม่นาน ก็จะได้เห็นโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำปี 2010 อีกครั้งละครับ