KEY
POINTS
ประเทศไทยกำลังยืนอยู่หน้าปากเหวทางเศรษฐกิจ ปี 2569 จะไม่ใช่ปีแห่งการ “ประคองตัว” อย่างที่หลายฝ่ายพยายามปลอบใจสังคม หากแต่มีแนวโน้มจะเป็นปีแห่งการชะลอตัวเชิงโครงสร้าง ที่ฝังรากลึกและยากจะฟื้น หากประเทศยังเดินซํ้ารอยเดิม ทั้งในเชิงนโยบาย เศรษฐกิจ และ การเมือง
พายุลูกแรกกำลังก่อตัวจากต่างประเทศ นั่นคือ การขู่จะยกเลิกข้อตกลงทางการค้า และขึ้นภาษีสินค้าไทยเพิ่มจาก 19% ของ โดนัลด์ ทรัมป์ หากไทยและกัมพูชายังไม่ยุติสงคราม ถือเป็นการใช้การค้าเป็นเครื่องมือต่อรองทางอำนาจ ซึ่งจะกระทบไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นเครื่องยนต์หลัก หากยอดส่งออกหดตัวต่อเนื่อง สิ่งที่จะตามมาคือการปิดโรงงาน การเลิกจ้าง และ รายได้ประเทศที่หายไปแบบไม่รู้ตัว
พายุลูกที่สอง คือ ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ยังไม่ลุกลามเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แต่ได้เริ่มกัดกินเศรษฐกิจจริงแล้ว การค้าชายแดนสะดุด การลงทุนชะงัก และ ความเชื่อมั่นที่หายไปเงียบ ๆ หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ประเทศไทยจะต้องจ่ายต้นทุนทางเศรษฐกิจมากกว่าที่ปรากฏในตัวเลขข่าวรายวัน
ขณะที่พายุอีกลูกหนึ่งที่อันตรายที่สุด ไม่ได้มาจากภายนอก แต่หากมาจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของเราเอง ซึ่งการยุบสภา และการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแรงในเวลานี้ เป็นการเพิ่มความไม่แน่นอนเข้าไปในระบบที่เปราะบางอยู่แล้ว การตัดสินใจลงทุนถูกเลื่อน นโยบายสะดุด และประเทศเดินแบบไร้เข็มทิศ ขณะที่เพื่อนบ้านในอาเซียนเดินหน้าด้วยความเร็วที่ไทยตามไม่ทัน
ปัญหาใหญ่ของไทยไม่ใช่ขาดเงิน แต่คือ การขาดรัฐบาลที่คิดเป็นระบบและกล้าปฏิรูปจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประเทศถูกบริหารด้วยนโยบายระยะสั้น เน้นแจกเพื่อคะแนนเสียง มากกว่าสร้างขีดความสามารถการแข่งขัน หนี้ครัวเรือนพุ่ง ความสามารถผลิตลดลง และเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ถูกดันไปอยู่กลุ่มท้ายของภูมิภาค
สิ่งที่ทำลายประเทศยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจ คือ การเมืองที่สังคมจับตามองถูกครอบงำด้วยทุนสีเทา การซื้อสิทธิ์ขายเสียงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่มันคือ จุดเริ่มต้นของการทุจริตเชิงนโยบาย หากเป็นรัฐบาลที่ได้มาด้วยเงิน ย่อมต้องถอนทุนคืน และราคาที่ต้องจ่ายคืออนาคตของประเทศ
ถึงเวลาที่ประชาชนต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อทิศทางประเทศอย่างจริงจัง การรับเงินวันเลือกตั้งอาจช่วยได้ชั่วคราว แต่อาจต้องแลกด้วย อนาคตของลูกหลาน และเศรษฐกิจที่ไร้โอกาสและยังโตตํ่าติดดินไปเรื่อยๆ
ปี 2569 จะเป็นปีที่ประเทศไทย ไม่มีพื้นที่สำหรับความเพิกเฉยอีกต่อไป คนไทยต้องเลือกนักการเมืองที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ และ กล้ายืนหยัดต่อทุนสีเทา ไม่ใช่คนที่เก่งแจก แต่ไร้กึ๋นในการบริหาร
นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่คือความจริงเชิงโครงสร้าง หากยังเลือกผิด คนไทยจะจนยาว และอาจไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก
บทบรรณาธิการ หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,158 วันที่ 18 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568