เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทย เลิกเสียเวลากับการเมือง

10 ก.ย. 2568 | 23:00 น.

เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทย เลิกเสียเวลากับการเมือง : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4130 วันที่ 11 - 13 กันยายน พ.ศ. 2568

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างมาก ปัญหาการว่างงาน และ หนี้สินภาคครัวเรือนที่รุนแรง
  • เรียกร้องให้รัฐบาลและนักการเมือง หยุดให้ความสำคัญกับเกมการเมือง และผลประโยชน์ในการเลือกตั้ง เพื่อหันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
  • เสนอให้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลือก่อนยุบสภา ดำเนินนโยบายที่เป็นรูปธรรม เพื่อลดภาระค่าครองชีพ แก้ปัญหาหนี้สิน และสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญวิกฤตหลายชั้น การที่รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศใช้เวลาเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา ควรเป็นโอกาสทองในการเลิกเล่นการเมือง และเริ่มแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะในขณะที่นักการเมืองยังคิดถึงอำนาจ และ เสียงเลือกตั้ง ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากต้นทุนที่สูงขึ้น การว่างงานที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินที่ท่วมท้น

รายงาน “Reinvent Thailand” และข้อมูลจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ส่งสัญญาณเตือนชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยไม่สามารถรอการเมืองได้อีกต่อไป เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงจาก 7% ในอดีตเหลือตํ่ากว่า 3% หลังโควิด-19 และขณะนี้คาดว่า จะขยายตัวเพียง 1.8-2.2% ในปี 2568

ผู้ประกอบการส่งออกกว่า 6,356 ราย ที่มีการจ้างงาน 1.6 ล้านคน กำลังเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ SMEs กว่า 1.9 แสนรายที่มีการจ้างงาน 1.4 ล้านคน ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น คนไทยกว่า 25 ล้านคน มีภาระหนี้เฉลี่ย 540,000 บาทต่อคน เหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลขทางการเมือง แต่เป็นชีวิตจริงของคนไทยที่ต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้

อัตราการว่างงานในระบบเพิ่มขึ้นเป็น 2.07% ในไตรมาสที่สอง มีผู้เสมือนว่างงาน 2.1 ล้านคน สูงขึ้น 5% จากปีก่อน ภาคการท่องเที่ยว ภาคก่อสร้าง และ ภาคเกษตร ชะลอตัว สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน SMEs และ ครัวเรือนรายได้น้อย ปัญหาเหล่านี้ไม่สนใจว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความเหลื่อมลํ้ารายได้ที่รุนแรง โดยครัวเรือนกลุ่มรายได้สูงสุดครอบครองรายได้ 48% ของประเทศ ขณะที่กลุ่มรายได้ตํ่าสุดมีเพียง 6% เศรษฐกิจนอกระบบที่มีธุรกิจถึง 78% ของธุรกิจทั้งหมด ปัญหาเหล่านี้สะสมมาเป็นสิบปี ไม่ใช่เกิดขึ้นใน 4 เดือน

การประกาศนโยบาย 4 ด้านของ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และ ภัยสังคม เป็นการตอบสนองปัญหาเฉพาะหน้าที่ถูกต้อง แต่ที่สำคัญคือ การขับเคลื่อนให้เกิดผลจริง ไม่ใช่เพียงการประชาสัมพันธ์

การลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ แก้ปัญหาหนี้สิน การปราบปรามยาเสพติด และ การพนันออนไลน์ การพัฒนาระบบเตือนภัย เป็นนโยบายที่ประชาชนสามารถเห็นผลได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง

การตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% เป็นตัวอย่างของการทำงานที่เน้นประโยชน์ของประเทศมากกว่าการเมือง การตัดสินใจนี้มุ่งช่วยเหลือ SMEs และ กลุ่มเปราะบางโดยตรง ไม่ได้คำนึงถึงว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใด

การประกาศว่า “ไม่มีวันหยุด ไม่มีพักร้อน” ของนายกรัฐมนตรี จะมีความหมายเมื่อเน้นการทำงานที่มีผลลัพธ์ ไม่ใช่การประชุม หรือ การแถลงข่าวที่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ประชาชนต้องการเห็นการลดลงของค่าครองชีพ การเพิ่มขึ้นของโอกาสทำงาน การลดลงของปัญหายาเสพติด ไม่ใช่การรายงานความคืบหน้าทางการเมือง

4 เดือนนี้เป็นโอกาสสุดท้าย ที่จะพิสูจน์ว่าระบบการเมืองไทย สามารถทำงานเพื่อประชาชนได้จริง โดยไม่ต้องเสียเวลากับการต่อรองทางการเมือง การโจมตีกัน หรือ การเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

ความสำเร็จจะวัดจากการที่ประชาชนรู้สึกว่า ชีวิตดีขึ้น ธุรกิจมีความมั่นใจในการลงทุน และ ประเทศมีทิศทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่จากคะแนนความนิยม หรือ การสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง

เศรษฐกิจไทยไม่มีเวลาให้เสียกับเกมการเมือง ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหยุดเล่นการเมือง และ เริ่มแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะอนาคตของประเทศไทย ขึ้นอยู่กับการกระทำในวันนี้ ไม่ใช่สัญญาหาเสียงในวันพรุ่งนี้

บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,130 วันที่ 11 - 13 กันยายน พ.ศ. 2568