เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังน่าเป็นห่วง

22 ส.ค. 2568 | 23:30 น.

เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังน่าเป็นห่วง : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,125 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจครึ่งปีหลังเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก
  • ปัจจัยลบภายในประเทศรุมเร้า ทั้งภาคการท่องเที่ยว ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมือง และปัญหาภัยธรรมชาติ
  • สศช. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวเพียง 1.8-2.3% ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และชะลอลงจากปีก่อนหน้า

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัว 2.8% ชะลอลงจากไตรมาสแรกขยายตัวที่ 3.2% รวมครึ่งแรกของปีขยายตัวที่ 3%

มีปัจจัยหลักมาจากการส่งออกสินค้า ขยายตัวต่อเนื่อง เป็นไตรมาสที่ 5 ที่ 15% ตามการเร่งส่งออกสินค้า ก่อนสิ้นสุดช่วงผ่อนปรนอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐอเมริกา และการลงทุนรวมกลับมาขยายตัวที่ 5.8 % โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาสที่ 4.1 %
     

อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรก มีสัญญาณที่ดีอยู่ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศจัดเก็บกับสินค้าไทยในอัตรา 19% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา จะเป็นแรงกดดัน และสร้างความกังวลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมไปถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก จะเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย 

ในขณะที่เครื่องยนต์หลัก อย่างภาคการท่องเที่ยว ยังไม่กลับมาฟื้นตัว สะท้อนได้จากช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย มีจำนวน 7.136 ล้านคน (คิดเป็น 87.24 % เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19) ลดลง 12.2 % 

นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่สามารถไว้ใจได้ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าชายแดน โดยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

รวมไปถึงสถานการณ์อุทกภัยและนํ้าป่าไหลหลาก ที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อชุมชน บ้านเรือน และโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องได้

อีกทั้ง เสถียนภาพของรัฐบาล ที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ส่งผลต่อความกังวลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่อาจเกิดความล่าช้า และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท นอกจากนี้ กำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัวเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลต่อภาคการบริโภคภายในประเทศ 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายลงทุนภาครัฐ การขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน เข้ามาเป็นตัวช่วย 

สศช.คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทย ปี 2568 จะขยายตัวในช่วง 1.8-2.3% (ค่ากลางประมาณการ 2% ) ชะลอลงจาก 2.5% ในปี 2567 ตามการลดลงของปริมาณการส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งหลังของปี ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมา

การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้ ถือเป็นการเติบโตที่อยู่ในระดับตํ่า เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เวียดนาม ที่อยู่ในระดับ 5.8-6.8% ฟิลิปปินส์ 5.8- 6.1% อินโดนีเซีย 4.7- 5.1% และ มาเลเซีย 3.9- 4.4% เป็นต้น

กลายเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าไทยจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างเร่งด่วน

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,125 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568