19% กับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อไทยต้องยืนหยัดในเกมภาษีโลก

09 ส.ค. 2568 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2568 | 01:21 น.

19% กับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อไทยต้องยืนหยัดในเกมภาษีโลก : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,121

KEY

POINTS

  • สหรัฐประกาศใช้ภาษีตอบโต้สินค้าไทยในอัตรา 19% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นจากฐานเดิมที่เคยเสียเพียง 6.5% ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการไทยสูงขึ้นเกือบ 10 เท่า
  • อัตราภาษี 19% อาจไม่ใช่จุดสิ้นสุด เนื่องจากสหรัฐใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ และยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกใช้เป็นเงื่อนไขเจรจา
  • ไทยจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อรับมือ โดยต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หาตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม และ ดำเนินนโยบายการทูตอย่างระมัดระวังเพื่อความอยู่รอดในเกมภาษีโลก

มีผลบังคับใช้ไปแล้วกับอัตราภาษีตอบโต้ 19% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับสินค้าจากไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งอัตรา 19% อาจฟังดู “ไม่มาก” เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศออกมาก่อนหน้าที่สูงถึง 36% และยังเป็นอัตราที่เกาะกลุ่มกับประเทศในอาเซียน ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ของอัตราภาษีที่ต่างกันในแต่ละประเทศหมดไป

ในความเป็นจริง นี่คือ อัตราที่กระโดดจากฐานภาษีที่ไทยเคยเสีย เฉลี่ยเพียง 6.5% เป็นการปรับเพิ่มอัตราภาษีมากที่สุดในรอบ 100 ปี เลยทีเดียว กลายเป็นต้นทุนใหม่ที่สูงขึ้นเกือบ 10 เท่าภายในเวลาไม่กี่เดือน และ ยังไม่มีหลักประกันใด จะประกันได้ว่าอัตราจะจบแค่ 19% ท่ามกลางความขัดแย้งปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ ยกมาเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาเรื่องภาษี

นี่คือบริบทของโลกการค้า ในยุคที่การใช้ภาษีกลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ ไทย และ ประเทศผู้ส่งออก ซึ่งเคยได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษี กำลังตกอยู่ในพื้นที่เสี่ยงท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่าง อินเดีย ที่เพิ่งถูกสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีใหม่เพิ่มอีก 25% พร้อมๆ กับไทย แต่ล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บเพิ่มอีก 25% ด้วยเหตุผลเพียงว่า อินเดียยังคงซื้อนํ้ามันกับอาวุธจากรัสเซีย เท่ากับช่วย ปูติน ทำสงครามยูเครนต่อไป

อินเดีย ต้องโดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้รวมแตะระดับ 50% ภายในไม่ถึงสัปดาห์ เท่ากับ บราซิล ที่ปักหลักต่อต้านสหรัฐฯ หนักมาตลอด ซึ่งมาตรการกดดันอินเดีย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเผชิญหน้าที่ขยายวงกว้างขึ้น ระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 มหาอำนาจแห่งเอเชีย และเป็นแรงกดดันกลุ่ม BRICS อย่างชัดเจน นี่คือ สัญญาณที่ไทยไม่อาจมองข้าม 

สำหรับไทย แม้จะพอใจได้ระดับหนึ่งว่า อัตราภาษี 19% ไม่ถึงขั้นเลวร้ายที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญ เพราะเมื่อสิทธิพิเศษหายไป ไทยก็กลายเป็นแค่หนึ่งในหลายประเทศที่ต้องแข่งขันบนพื้นฐานภาษี ที่เสมอกันกับเพื่อนบ้าน ซึ่งหมายความว่า ศักยภาพด้านต้นทุน และความสามารถในการปรับตัวจะกลายเป็นปัจจัยชี้ชะตา 

คำถามที่ตามมาคือ “จะโดนอะไรเพิ่มอีกหรือไม่?” คำตอบคือ ยังไม่มีใครรู้ เพราะสถานการณ์โลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ที่ค้างคา ความขัดแย้งในยูเครน ที่ยังไม่สิ้นสุด และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับ ประเทศในกลุ่ม BRICS ที่เริ่มมีท่าทีเผชิญหน้ามากขึ้น

ขณะที่เราเองยังมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการทบทวนมาตรการการค้า จากประเทศคู่ค้าได้ในอนาคต การรับมือกับอัตราภาษี 19% ไม่ใช่แค่เรื่องของการ “จ่ายแพงขึ้น” แต่คือ เรื่องของการวางยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งระบบ 

ไทยต้องเร่งยกระดับประสิทธิภาพการผลิต หาตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม และสำคัญที่สุด ต้องวางท่าทีทางการทูตอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็น “เบี้ยล่าง” ในเกมการเมืองระหว่างมหาอำนาจ

บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,121 วันที่ 10 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568