แก้หนี้-กู้วิกฤตเศรษฐกิจ เผือกร้อนรัฐบาลภูมิใจไทย

05 ก.ย. 2568 | 23:00 น.

แก้หนี้-กู้วิกฤตเศรษฐกิจ เผือกร้อนรัฐบาลภูมิใจไทย : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4129

KEY

POINTS

  • รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย เผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเร่งด่วน ทั้งปัญหาหนี้สินและการเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าคาดการณ์
  • ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็น "เผือกร้อน" ประกอบด้วย หนี้ครัวเรือนและหนี้ SME ที่สูง, ภาคการส่งออก และ ท่องเที่ยว ที่ชะลอตัว รวมถึงกำลังซื้อในประเทศที่หดตัวลง
  • รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหนี้ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ แม้จะมีเวลาบริหารงานจำกัด

ความชุลมุนทางการเมืองร้อนแรงรับเดือนกันยายน จากการช่วงชิงอำนาจฝ่ายบริหารชุดใหม่ระหว่าง พรรคสีแดง กับ พรรคสีนํ้าเงิน ที่ใช้ทั้งกลการเมืองและเกมกฎหมาย ชิงไหวชิงพริบและต่อสู้กัน โดยมีพรรคสีส้มเป็นตัวแปรสำคัญ  

ในที่สุด ฝ่ายสีนํ้าเงินเป็นฝ่ายกำชัย จัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางความเปราะบางของเสียงปริ่มนํ้า ซึ่งมีเพียง 146 เสียง และมีเวลาจำกัด ก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน ตามกรอบ MOU ที่ลงนาม ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย และ พรรคประชาชน ในฐานะฝ่ายสนับสนุน

ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อ ในจำนวนนี้คือ นายกฯ คนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะโหวตเลือกนายกฯในสภาวันที่ 5 กันยายนนี้ ท่ามกลางความท้าทาย ทั้งระยะเวลาที่สั้น เมื่อเทียบกับโจทย์ใหญ่ที่ต้องเข้าไปแก้ไข ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนและภาคเอกชนในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้  

ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตหนี้ครัวเรือน หนี้ SME ที่ท่วมท้น ไปจนถึงเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวตํ่ากว่าศักยภาพอย่างต่อเนื่อง GDP เติบโตปีนี้เพียง 2% ตํ่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และปีหน้าคาดการณ์ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะตํ่าว่าปีนี้ 

ขณะที่ภาคส่งออก ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ กลับเผชิญปัญหาเงินบาทแข็งค่า ค่าแรงสูง คำสั่งซื้อลดลงจากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน และ ยุโรป ซึ่งต่างก็เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตัวเอง ในขณะภาคท่องเที่ยวเฟืองจักรสำคัญอีกตัว กลับทรุดตัวลงจากนักท่องเที่ยวหายโดยเฉพาะจีน

ภาคการบริโภคในประเทศ ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ได้อ่อนแอลงจากหนี้ครัวเรือนที่สูงทะลุ 90% ของ GDP รายได้ประชาชนไม่เพิ่มขณะที่ค่าครองชีพยังคงพุ่งสูง ดอกเบี้ยแม้ว่าอยู่ในช่วงขาลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้กำลังซื้อหดตัวอย่างต่อเนื่อง

ที่เป็นปัญหาต้องเร่งคลี่คลาย คือ ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องให้จบโดยเร็ว ที่น่าจับตา ภาษีทรัมป์ จะเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามทางการค้า และภูมิรัฐศาสตร์ในขณะที่ไทยยังคงหาจุดแข็งด้านนโยบายเศรษฐกิจระยะยาวไม่พบ

ในภาวะที่ทุกฝ่ายต่างโยน “เผือกร้อน” ทางเศรษฐกิจมาสู่รัฐบาลใหม่ ภูมิใจไทยจึงต้องแสดงศักยภาพในเชิงนโยบายอย่างเร่งด่วน ทั้งการแก้ปัญหาหนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และการวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

หากไร้มาตรการฟื้นฟูศักยภาพการผลิต สร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชน และคืนความมั่นใจให้ภาคธุรกิจ การฟื้นเศรษฐกิจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่คือความสามารถในการ “บริหารความหวัง” ของคนทั้งประเทศ

และไม่ว่าจะใช้แนวทางใด รัฐบาลต้องเร่งสร้าง “นํ้าหนักความน่าเชื่อถือ” ในเชิงนโยบาย ไม่ใช่เพียงการเมือง เพื่อให้ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังมีอนาคตที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่ต้อง “เติบโต” ได้จริงแม้จะเข้ามาบริหารในช่วงสั้นๆ เพื่อนำไปสู่การยุบสภาก็ตาม !!!

บรรบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,129 วันที่ 7 - 10 กันยายน พ.ศ. 2568