สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในไตรมาสแรกปี 2568 ขยายตัว 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และได้ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวทั้งปีลงเหลือ 1.8% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก
ทั้งนี้แม้ตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาสแรก ยังเป็นทิศทางบวกที่สะท้อนการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ภายใต้ตัวเลขการเติบโตดังกล่าวยังซ่อนจุดเปราะบาง อยู่มากหากไม่เร่งจัดการ อาจกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว
สำหรับแรงขับเคลื่อนสำคัญในไตรมาสแรก คือ การส่งออกและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนกลับชะลอตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนความไม่มั่นใจของประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม ภาครัฐจึงต้องเร่งฟื้นฟูบรรยากาศการลงทุนและความเชื่อมั่น ด้วยมาตรการที่ตรงจุดและมีผลในทางปฏิบัติจริง
ขณะที่สถานการณ์ของผู้ประกอบการ SMEs ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง จากสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ที่กำลังบีบให้โรงงานขนาดเล็กจำนวนมากต้องปิดกิจการ
โดยเฉพาะผู้ผลิตในกลุ่มที่มีสินค้านำเข้ามาแข่งขันโดยตรง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และ เฟอร์นิเจอร์ ภาครัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการ “ป้องกัน-ปรับตัว-ฟื้นฟู” ที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงการให้สินเชื่อเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการยกระดับมาตรฐานสินค้า พัฒนาตลาด และ ป้องกันการทุ่มตลาดอย่างเข้มงวด
อีกด้านหนึ่ง ความเสี่ยงจากสงครามการค้า และมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นปัจจัยจากภายนอกที่ไทยไม่อาจควบคุมได้ แต่สามารถ “ปรับตัวรับมือ” ได้ โดยภาครัฐควรเร่งเจรจาความร่วมมือ
การค้ากับประเทศพันธมิตร พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และ เอเชียใต้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดิมมากเกินไป
ส่วนภาคเกษตรแม้จะขยายตัวจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและภัยธรรมชาติ เช่น ภาวะนํ้าหลากหรือฝนทิ้งช่วง รัฐบาลจึงต้องเตรียมแผนรองรับ ทั้งด้านการบริหารจัดการนํ้า และ การประกันรายได้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรฐานใหญ่ของประเทศ
สำหรับภาคการท่องเที่ยว แม้จะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่มีกำลังซื้อสูง แต่การชะลอตัวของกลุ่มระยะใกล้อย่าง จีน และ เกาหลีใต้ ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าระบบรองรับนักท่องเที่ยวไทยยังมีจุดอ่อน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งท่องเที่ยวหลัก รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
กล่าวโดยสรุป เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก กำลังยืนอยู่บนรอยต่อของการฟื้นตัวกับความเปราะบางในหลายจุด การขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐต่อจากนี้ ต้องเร็ว ตรงจุด และ รอบด้าน ไม่ใช่เพียงการประคองตัวเลข GDP ให้ดูดี แต่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจไทยเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,098 วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568