ในทุกครอบครัวมักมีบุคคลสำคัญที่ดึงดูดให้ทุกคนได้กลับมาพบกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่เมื่อบุคคลเหล่านั้นจากไป ความผูกพันที่เคยเชื่อมโยงกันก็อาจค่อย ๆ จางหายไป นี่คือเหตุผลที่วันรวมญาติ (family reunion) กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจครอบครัวไม่ควรมองข้าม
ครอบครัวเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มักทุ่มเทเวลาให้กับการบริหารงาน การประชุมผู้ถือหุ้น หรือการวางแผนสืบทอดกิจการ มากกว่าการดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งที่ความสัมพันธ์นี้แหละคือรากฐานสำคัญของความยั่งยืนระยะยาว วันรวมญาติจึงไม่ใช่แค่กิจกรรมสังสรรค์ธรรมดา แต่เป็นโอกาสอันมีค่าในการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างความเข้าใจระหว่างรุ่น และปลูกฝังคุณค่าร่วมของครอบครัวที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของธุรกิจ
เมื่อเวลาผ่านไปครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น มีสมาชิกหลายรุ่นแยกย้ายออกไปใช้ชีวิต การนัดพบกันอาจยากขึ้นเพราะภาระงาน ระยะทาง หรือวิถีชีวิตที่แตกต่าง แต่ยิ่งยากเท่าไรก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น การพบกันแม้ปีละครั้งก็มีพลังเชื่อมโยงหัวใจของคนในตระกูลได้ และในโลกธุรกิจความเชื่อมโยงนี้แปลเป็นความไว้วางใจที่แข็งแรงพอจะผ่านวิกฤตต่าง ๆ ไปด้วยกันได้
หลายครอบครัวประสบความสำเร็จด้วยการจัดกิจกรรมประจำ เช่น ประชุมสภาครอบครัวปีละครั้ง หรือรวมญาติทุกสองถึงสามปี ควบคู่กับกิจกรรมทางธุรกิจ ทำให้การพบปะมีทั้งมิติความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกัน บางครอบครัวใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนเรื่องราวความสำเร็จ ความท้าทาย หรือแนวคิดพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ทำให้คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เข้าใจกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้าใจในฐานะเจ้าของธุรกิจ แต่เข้าใจในฐานะคนในครอบครัวเดียวกันด้วย
ผลลัพธ์ของการพบปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความอบอุ่นหรือเสียงหัวเราะเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสะพานระหว่างรุ่นที่ช่วยให้ลูกหลานได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของครอบครัว ตระหนักถึงรากเหง้าและคุณค่าที่ส่งต่อกันมา เมื่อคนรุ่นใหม่เข้าใจว่าธุรกิจนี้สร้างมาด้วยเหงื่อแรงของใคร ผ่านอะไรมาบ้าง พวกเขาก็จะมีความรับผิดชอบและความภาคภูมิใจในการสืบทอดมากขึ้น
ธุรกิจครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นจึงมักมีเสถียรภาพและสามารถสืบต่อได้อย่างมั่นคง การสานสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสิ่งใหญ่โต อาจเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ เช่น โทรหาญาติที่ไม่ได้คุยกันนาน นัดพบกลุ่มพี่น้อง หรือจัดกิจกรรมให้ลูกหลานรุ่นใหม่ได้รู้จักกัน ทุกการพบปะเล็ก ๆ คือการต่ออายุสายใยของครอบครัวให้แข็งแรงขึ้น และเมื่อสายใยนี้แข็งแรง ธุรกิจก็มีโอกาสอยู่รอดและเติบโตไปได้ไกล
ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของธุรกิจครอบครัวอาจไม่ได้วัดจากผลกำไรหรือขนาดองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่วัดได้จากความสัมพันธ์ที่ยังเหนียวแน่นและความรักที่ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นมรดกแท้จริงที่ส่งต่อได้ยั่งยืนกว่าทรัพย์สินใด ๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวแตกต่างจากบริษัททั่วไป
ที่มา: Rhomberg, C. (2025, July 1). Don't skip the reunion. Family Business Magazine. ข้อมูลอ้างอิง: famz.co.th