4 มรดกสำคัญที่ธุรกิจครอบครัวต้องส่งต่อให้ทายาท

04 ก.ค. 2568 | 22:08 น.

4 มรดกสำคัญที่ธุรกิจครอบครัวต้องส่งต่อให้ทายาท : Family Business Thailand รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

เมื่อพูดถึงมรดก (Legacy) ในบริบทของธุรกิจครอบครัว หลายคนอาจนึกถึงเพียงทรัพย์สิน เงินทุน หรือหุ้นในบริษัท แต่แท้จริงแล้ว มรดกที่มีคุณค่าที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ หากแต่เป็นคุณค่าที่หยั่งรากลึกในจิตใจ วัฒนธรรม และความผูกพันของครอบครัว ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน

ในมุมมองของธุรกิจครอบครัวแล้วมรดกไม่ได้หมายถึงเพียงสิ่งที่ทิ้งไว้เบื้องหลังเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งที่ตั้งใจส่งต่อไปยังคนรุ่นถัดไป ทั้งในรูปแบบที่จับต้องได้ เช่น ทรัพย์สิน หรือในรูปแบบที่สัมผัสได้ผ่านความคิด การกระทำ และค่านิยม มาดูกันว่ามรดกในธุรกิจครอบครัวมีอะไรบ้าง และแต่ละด้านมีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อความยั่งยืนขององค์กร

4 มรดกสำคัญที่ธุรกิจครอบครัวต้องส่งต่อให้ทายาท

  • มรดกด้านการเงิน (Financial Legacy) เป็นมรดกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ได้แก่ ทรัพย์สิน หุ้นในบริษัท เงินทุน อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับธุรกิจ และเป็นหลักประกันที่ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามการบริหารมรดกด้านการเงินให้ยั่งยืนและเป็นธรรมคือหัวใจสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในครอบครัว
  • มรดกด้านความรู้สึก (Emotional Legacy) มรดกประเภทนี้คือคุณค่าร่วมที่หล่อหลอมคนในครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมหลัก ความเชื่อ วัฒนธรรมองค์กร ความผูกพัน และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ของธุรกิจ มรดกด้านความรู้สึกเปรียบเสมือนจิตวิญญาณขององค์กร ที่ช่วยสร้างความภาคภูมิใจ ความเป็นเจ้าของร่วม และความจงรักภักดี ทั้งจากคนในครอบครัวและบุคลากรในองค์กร อย่างไรก็ตามมรดกนี้ต้องอาศัยการปลูกฝังและส่งต่อผ่านพฤติกรรม การสื่อสาร และการเล่าเรื่องอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากขาดการใส่ใจ ก็อาจเลือนหายไปตามกาลเวลาได้
  • มรดกด้านสังคม (Social Legacy) มรดกด้านนี้สะท้อนถึงบทบาทและชื่อเสียงของธุรกิจครอบครัวในสายตาของสังคม เช่น การมีส่วนร่วมกับชุมชน การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ความยุติธรรมต่อพนักงาน และการเป็นสมาชิกองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม โดยมรดกด้านสังคมจะช่วยสร้างทุนด้านความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเกินกว่าจะประเมินเป็นตัวเลขได้ เพราะสามารถช่วยดึงดูดทั้งลูกค้า บุคลากรคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งนี้การสร้างมรดกประเภทนี้ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ความจริงใจ และไม่ควรทำเพียงเพื่อภาพลักษณ์ในระยะสั้นเท่านั้น
  • มรดกด้านวัฒนธรรม/การเป็นผู้ดูแล (Heritage Legacy) มรดกด้านวัฒนธรรมคือจิตสำนึกในการเป็นผู้ดูแลธุรกิจ มากกว่าจะมองตนเองว่าเป็นเพียงเจ้าของ เป็นความมุ่งมั่นที่จะรักษาและพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นก่อนส่งต่อให้รุ่นถัดไป มรดกนี้คือแรงผลักดันให้คนรุ่นปัจจุบันคิดอย่างรอบคอบ มีวิสัยทัศน์ระยะยาว และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจทำลายรากฐานขององค์กรเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า ที่สำคัญคือการปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าในบทบาทของตน ในฐานะผู้ดูแลชั่วคราวของธุรกิจที่ต้องส่งต่อสิ่งดีงามให้รุ่นต่อๆไป

จะเห็นได้ว่ามรดกในธุรกิจครอบครัวไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวเลขในบัญชีหรือทรัพย์สินที่มองเห็นได้เท่านั้น หากแต่ควรประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 4 ด้านอย่างสมดุล ได้แก่ ความมั่นคงทางการเงินที่เป็นพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ความผูกพันและค่านิยมร่วมที่เชื่อมโยงสมาชิกในครอบครัวให้มีจิตใจเดียวกัน

ชื่อเสียงและบทบาทต่อสังคมที่สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในสายตาคนนอก และจิตสำนึกแห่งการดูแลรักษาและส่งต่อ ซึ่งปลูกฝังแนวคิดระยะยาวและความรับผิดชอบต่อรุ่นถัดไป การเข้าใจและวางแผนส่งต่อมรดกทั้ง 4 ด้านนี้อย่างรอบคอบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แข็งแกร่งทั้งในฐานะองค์กรและยังคงรักษาความเป็นครอบครัวที่ร่วมแรงร่วมใจกันเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

ที่มา: Andrews, P. (2024, June). The different types of legacy in a family business. Family Business United. https://www.familybusinessunited.com/post/the-different-types-of-legacy-in-a-family-business