ธุรกิจครอบครัวมักใช้แนวคิดเรื่อง “รุ่น” (เช่น รุ่นที่หนึ่ง รุ่นที่สอง รุ่นที่สาม) เป็นส่วนหนึ่งของการบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของครอบครัวจนกลายเป็นสิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมองว่าเป็นเรื่องปกติ โดยไม่ทันฉุกคิดว่านี่อาจเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์อย่างหนึ่ง งานวิจัยซึ่งเก็บข้อมูลจากครอบครัวธุรกิจจำนวน 200 รายในยุโรป ชี้ให้เห็นว่า การแบ่ง “รุ่น” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของลำดับเวลาเท่านั้น
หากแต่เป็นการจัดการอดีตอย่างมีกลยุทธ์ (Strategic Use of the Past) ซึ่งครอบครัวใช้เพื่อเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมสร้างความชอบธรรมให้กับการตัดสินใจของผู้นำรุ่นปัจจุบัน การเผชิญกับความผันผวนของตลาดโดยยังคงยึดโยงกับรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ และการลดแรงปะทะระหว่างเจเนอเรชันให้อยู่ในกรอบที่สร้างสรรค์และเอื้อต่อความต่อเนื่องขององค์กร โดยมีการนิยามรุ่นอย่างมีกลยุทธ์ 4 รูปแบบดังนี้
1. รุ่นตามลำดับเวลา (Chronological Generations) มุ่งเน้นการจัดลำดับเป็นช่วงเวลาอย่างชัดเจน เช่น รุ่นที่ 1 → รุ่นที่ 2 → รุ่นที่ 3 เพื่อสื่อสารความต่อเนื่องและความมั่นคง
ตัวอย่างการใช้จริง: เราดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐานเดียวกันต่อเนื่องมากว่า 3 รุ่น รุ่นปัจจุบันยังคงยึดสูตรดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด ซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพ
2. รุ่นตามสายเลือด (Biological Generations) เน้นความสัมพันธ์ทางเครือญาติ เช่น พ่อ → ลูก → หลาน เพื่อย้ำความเป็นเจ้าของที่สืบทอดกันมาอย่างแท้จริง
ตัวอย่างการใช้จริง: รุ่นพ่อทำหน้าที่วางรากฐานของครอบครัวควบคู่ไปกับธุรกิจ รุ่นลูกร่วมกันทำงานต่อยอดสร้างการเติบโต รุ่นหลานมองหาโอกาสใหม่ๆ แต่ทุกรุ่นยังคงมี DNA เดียวกัน ซึ่งช่วยสร้างเอกลักษณ์และอำนาจต่อรองเมื่อต้องเจรจากับคู่ค้า
3. รุ่นตามวัฒนธรรม (Cultural Generations) เป็นการนิยาม “รุ่น” ในมิติของสิ่งที่ครอบครัวยึดถือและปฏิบัติร่วมกันอย่างแท้จริง ไม่ได้ดูที่ใครเป็นรุ่นที่เท่าไร แต่โฟกัสที่ ชุดคุณค่า (values) และ วัฒนธรรมองค์กร ที่ถูกส่งต่อข้ามรุ่น เช่น การยึดหลักคุณภาพเหนือกำไร
ตัวอย่างการใช้จริง: Lundberg Family Farms ในสหรัฐฯ เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ช่วง 1930s และแม้ขยายจากนาข้าวไปเป็นของแปรรูปและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกอื่นๆ ก็ยังรักษามาตรฐาน “เกษตรยั่งยืน” และ “จัดการพลังงานสะอาด 100%” ต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน
4. รุ่นตามผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Generations) บทบาทของผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง (change-makers) ในแต่ละช่วงเวลา
ตัวอย่างการใช้จริง: รุ่นปัจจุบันอาจเปิดพื้นที่ให้ Next‑Gen ริเริ่มโครงการใหม่ เช่น โซนทดลอง IoT หรือระบบ e‑commerce แบบสตาร์ทอัพภายใน
บทบาทของการนิยาม “รุ่น” ในการบริหารจัดการนั้นสามารถใช้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและทรงพลัง ทั้งในแง่การสื่อสารภายในและภายนอกองค์กร โดยครอบครัวสามารถเลือกนิยาม “รุ่น” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น การใช้ “รุ่นตามลำดับเวลา” เพื่อสร้างความมั่นคงและความต่อเนื่องในการดึงดูดนักลงทุน
หรือการใช้ “รุ่นตามผู้ประกอบการ” เพื่อสะท้อนนวัตกรรมของคนรุ่นใหม่เมื่อรุกตลาดใหม่ การนิยามรุ่นสามารถเปลี่ยนไปได้ตามเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา พร้อมกันนี้ยังสามารถใช้ควบคุมการตีความอดีต เพื่อไม่ให้คนรุ่นใหม่ถูกมองว่าบิดเบือนมรดก และในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้คนรุ่นเก่าถูกมองว่าล้าสมัย
อีกทั้งการนิยามรุ่นอย่างยืดหยุ่นยังเปิดโอกาสให้ครอบครัวธุรกิจสามารถพลิกข้อจำกัดในอดีตให้กลายเป็นจุดแข็งที่ตอบรับกับเทรนด์ปัจจุบัน เช่น ความยั่งยืน การใช้เทคโนโลยี หรือการให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองในองค์กร เป็นต้น
โดยการแบ่งรุ่นในธุรกิจครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว แต่เป็นกลยุทธ์ในการสื่อสารและสร้างอำนาจ ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่นเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความขัดแย้ง และเปิดโอกาสให้ธุรกิจใช้ประวัติศาสตร์ของตนเองเป็นเครื่องมือรับมือกับความท้าทายในอนาคตนั่นเอง
ที่มา: Lubinski, C., & Gartner, W. (2024, September 18). Family history can be repurposed to serve today’s challenges. FamilyBusiness.org. Retrieved May 5, 2025, from https://familybusiness.org/content/family-history-can-be-repurposed-to-serve-todays-challenges