KEY
POINTS
บนเส้นทางสายเอเซียมุ่งหน้าไปนครสวรรค์ ที่สามแยกอินทร์บุรี เลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเมืองสิงห์บุรี มีร้านธรรมดาที่ฝีมือไม่ธรรมดาน่าแนะนำให้ท่านฝากท้อง คือครัวไสวหรือชื่อที่ลูกค้าเก่าจดจำได้คือร้านต้วมหน่อย ร้านopen air บรรยากาศชาวบ้านคู่เมืองอินทร์บุรี
อีทีนี้ อาจต้องระวังเรื่องเวลาสักกะหน่อย หากท่านมาช้าในเวลาร้านใกล้ปิดวัตถุดิบที่สต็อกไว้จะเริ่มหมด อาหารจานเด่นจาก 10 เมนูอาจเหลือ 4 แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็น 4 อย่างที่ควรค่าต่อการสั่งมารับประทาน 55 (อย่างวันนี้ก้ามปูนาผัด ก้ามปูหมด/ ปลาตะเพียนหมด)
จานแรกที่ลูกค้าทุกโต๊ะจะต้องสั่งคือ ปลาตะเพียนทอดเต้าเจี้ยว แต่วันนี้ตะเพียนหมดต้องเปลี่ยนเป็นปลาทับทิมตัวขนาดกำลังดี ทอดจนผิวไร้เกล็ดนั้นกรอบระยับ ความกรอบกินเข้าไปถึงเนื้อแต่เนื้อในส่วนใกล้ก้างกลางยังนุ่มแน่นไม่แข็ง เมื่อราดด้วยซอสอย่างว่าพริกสามรสแต่ปนเต้าเจี้ยวหอมขิง กลิ่นอ่อนๆ ละลายรวมกับความเค็มหวานเข้มข้นของเต้าเจี้ยว รสเผ็ดสองประการ คือเผ็ดพริก และเผ็ดซ่านิดๆ จากขิงซอย ทำให้เนื้อปลาหวานธรรมชาติยิ่งเด่นขึ้นมา รับประทานกับโซดาใส่น้ำแข็งเย็นๆ ก็ชื่นใจ ส่วนจะใส่อะไรในแก้วโซดานั้นก็ตามใจพระเดชพระคุณท่านเถิด
จานถัดมาสร้างความชื่นกันด้วย ยำตะไคร้กุ้งสด ตะไคร้ซอยบางจนแทบละลายในน้ำยำ กลิ่นหอมสมุนไพรนำโด่งขึ้นมาก่อนรสจัดถึงปลายลิ้น กุ้งลวกสุกพอดี เด้งและหวานในตัว น้ำยำของร้านนี้กลมกล่อม มีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ครบทุกมิติ
ตักขึ้นมากินกับข้าวสวยร้อนๆ รองพื้นกระเพาะไม่ให้เสาะง่าย จากนั้นล้างคอด้วยโซดาวิเศษชงเองตามลงไป และแล้วก็ถึงเวลาของสงคราม จานที่ “หอมจนโต๊ะข้างหันมามอง” คือผัดสงครามทะเล 55 ชื่อเท่ๆ เกิดจากการผัดฉ่าปลากรายขูดและทะเลรวม
กลิ่นตะไคร้ ใบมะกรูดและกะเพราลอยขึ้นมาอย่างเข้มข้น หมึกสดขาวใส กุ้งตัวโตเด้งปลากรายแน่นยังกะเนื้อลูกชิ้น ทุกอย่างถูกผัดด้วยไฟแรงจนได้เสียง “ฉ่าาา” ที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นฉ่านั้นเตะจมูกจนอยากรีบตักเข้าปากทันทีระหว่างมื้อ ถ้าต้องการความคล่องคอ ก็มีโป๊ะแตกมีอะไรต่างๆ แต่ลมหนาวพัดมาอย่างนี้ต้องบ่มร่างกายภายในด้วย “กระพงต้มขิง”
เนื้อปลากระพงทอดเป็นชิ้นอยู่ในต้มขิงหม้อไฟ รสเค็มกลมกล่อมซดได้หมดหม้อ หอมพริกไทยอ่อนๆ กับต้นหอมหั่นเข้ากันดี หากท่านมาทันจะได้เจอเมนูที่หาร้านอาหารอื่นๆทำให้ทานได้ยาก เพราะมีวัตถุดิบอย่าง “ก้ามปูนา” มาทำเมนูต่างๆให้ได้ลอง อย่างก้ามปูนาผัดพริกแกง หรือ ผัดพริกเผา
จนตอนนี้ข้าวโถที่สองก็ใกล้หมด ให้เก็บมาทานกับจานปิดท้ายที่น่าจดจำกับเม็ดมะม่วงผัดไก่ที่ดีจนน่าตกใจ แม่ครัวร้านนี้ไม่ธรรมดา! ชิ้นไก่พอดีคำ ทอดกรอบรีดน้ำมันเคลือบซอสฉ่ำรีดจนไม่เหลือพื้นที่ให้น้ำมันได้ซ่อนตัว ผัดให้เข้ากับผักรสหวานอย่างหอมใหญ่และพริกหยวก เม็ดมะม่วงมันหอม เผ็ดนิดจากพริกแห้ง องค์ประกอบทั้งหมดนี้ผัดมาสีใสสวยน่าทาน รสกลมกล่อมครบทั้งสามสัมผัส หวาน มัน เค็ม ของหวานไม่มีไม่เป็นไรเพราะได้โซดาชื่นใจกันไปแล้ว ทั้งกับข้าวของ ก็ถือว่า จบได้สวย
จบได้อย่างดี สำหรับมื้อซึ่งเป็นที่พึ่งของนักเดินทางผู้หิวโหย