KEY
POINTS
เอาล่ะครับ คราวนี้ก็ได้เวลาขอเรียนเชิญชวนท่านผู้อ่านมาชมศิลปะบนปลียอดทองคำของพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราชกันบ้าง ภาพงดงามที่นำมาเสนอต่อท่านอยู่นี้ได้มาจากท่านผู้อำนวยการกองงานเฉพาะกิจ บูรณะปฏิสังขรณ์ปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์เมืองนคร_ อาจารย์นพวัฒน์ สมพื้น ผู้ล่วงลับ
ที่ปลียอดของพระบรมธาตุเมืองนครนั้นทำเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์มาแต่โบราณกาลร้อยเรียงด้วยลูกแก้ว พันเกี่ยวเลี้ยวรัดไว้ด้วยเส้นลวดทองคำมาแต่ดั้งเดิม ประดับอัญมณีต่างๆ บนจุดสูงสุดมีทองคำ ทำเปนรูปอย่างบาตรพระมีฝาปิดเรียบร้อย เรียกกันว่าบาตรน้ำมนต์ มีความสวยงามน่าพิศวง ถัดลงมามีตลับทองคำบรรจุอัญมณีของมีค่าแขวนไว้ พวกลูกทองคำต่างมีลวดทองคำถักเปนตาข่ายแขวนตรึง สร้อยสังวาลย์ติดนิลติดทับทิมทำร้อยไว้หลายๆเส้น ลวดลายประดับทำจากทองคำทั้งนั้น มีกระเปาะรัดพลอยมากถึง 30 ชั้น ทำจากทองคำ และมีห่วงทองคำแขวนทิ้งไว้ให้เกี่ยวของมีค่าอีกมากมาย ข้างแผ่นทองคำหุ้มนั้นก็ไม่ใช่ทองเกลี้ยงมีการจำหลักลวดลายสวยงามต่างๆดุนนูนเอาไว้ มีถ้อยคำจารึกเป็น ภาษาโบราณ ลายมือปราณีตบรรจง
งานซ่อมบูรณะยอดพระธาตุนี้เมื่อทศวรรษปี 2530 กรมศิลปากรเข้าดำเนินการอย่างเป็นทางการ โดยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วน ให้การสนับสนุนทั้งทุนทรัพย์ปัจจัย ให้การสนับสนุนทั้งทองคำ ทั้งอัญมณีมีค่าต่างๆ ผู้ร่วมดำเนินการตำรวจทหารพลเรือนนับไม่ถ้วนเฝ้าคุ้มกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับของมีค่าและร่วมแรงร่วมใจร่วมไม้ร่วมมือดำเนินการกิจกรรมทุกชนิด อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบกินเวลาเป็นแรมปี
อันนี้ก็เป็นเรื่องทางการซึ่งปูมจดหมายเหตุทั้งหลายกรมศิลปากรได้บันทึกเอาไว้โดยละเอียด เรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องลึกๆ ที่เล่าขานกันในวงการ ผู้แสวงบุญจากการทำยอดพระธาตุ อันนี้ก็มีอีกตำนานหนึ่ง กล่าวคือ ปฐมเหตุของการที่จะต้องซ่อมสร้างพระธาตุรอบทศวรรษนี้เกิดมีที่มาจากบุคคลสำคัญ ในบ้านเมืองท่านหนึ่งมีเหตุ ที่จะต้องเป็นเจ้าภาพในการซ่อมและทำการหุ้มทองคำส่วนยอดพระธาตุ นั่น ก็คือนายกรัฐมนตรีเวลานั้นนามกร ว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เบาะแสที่มาของตำนานเชิงนิทานเรื่องนี้ มีกรณีเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของเทวดาท่านหนึ่งที่เรียกกันว่าผู้คนต่างนับถือ และเรียกท่านว่าจตุคามรามเทพ
ซึ่งท่านผู้นี้เองก็มีประวัติความเป็นมาที่ละเอียดอ่อนพิสดาร แถมยังสร้างปรากฎการณ์อันน่าลึกลับหวั่นไหวให้กับผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมาก คล้ายว่าท่านมีเคล็ดลับวิธีการในการแก้ไขปัญหา ร้อยแปดพันประการแก่ผู้คนอย่างคาดไม่ถึงโดยกรรมวิธีต่างๆ ที่เรียกกันในภายหลังว่าจตุคามศาสตร์ เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่เป็นไสยศาสตร์ก็ไม่เชิง
บุคคลผู้ซึ่งเป็นหลักในการนำชื่อของท่านจตุคามมาปรากฏในวงการบ้านเรานั้นต้องยกให้อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล ผู้ซึ่งเพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อปีกลาย
ท่านผู้นี้เป็นนักเรียนธรรมศาสตร์ มีฝีไม้ลายมือในการปราบปรามโจรผู้ร้ายสูง และเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชมีปัญหาด้านอาชญากรรม ทางการบ้านเมืองได้พิจารณาส่งท่านมาเป็นผู้กำกับการตำรวจประจำเมืองดูแลแก้ปัญหา ในพื้นที่แห่งนี้
วันหนึ่งท่าน ผู้กำกับคนใหม่ ออกตรวจท้องที่และพบว่ามีการชุมนุมกันที่วัดนางพระยา คล้ายกับว่ามีการทรงเจ้า เพื่อออกใบ้เลขหวยใต้ดินบนดิน ท่านก็เข้าไปสังเกตการณ์ ปรากฏว่าคนทรงนั้นทรงเจ้าผู้หญิง นัยยะว่าเป็นพระมารดาของเทพยดาผู้ลือนามท่านนั้น
ผู้กำกับของเราเองเป็นนักเรียนธรรมศาสตร์ มีปริญญา ไม่เชื่อเรื่องต่างๆ เหล่านี้ที่ดูลึกลับและหาคำตอบได้ยากแต่ก็เกิดเหตุน่าแปลกใจขึ้นกับท่านหลายประการ จากคำพูดของคนทรงเจ้าที่มีวิญญาณของเจ้าผู้หญิง อยู่ข้างในตน
จนสุดท้ายแล้วผู้ที่มาลงทรงเปลี่ยนไปเรื่อยเรื่อยและท่านทำการพิสูจน์โดยใช้ธูปกำมือหนึ่งจุดไฟแดงฉานจี้เข้าตามร่างกายของร่างทรง ร่างทรงก็ไม่รู้สึกอะไร มีแต่คนจี้ได้กลิ่นเนื้อไหม้ไฟลอยขึ้นมา (ซึ่งวิธีนี้พวกตำรวจยุคเก่านิยมใช้จับโกหกคนทรง 55 ถ้าใครไม่มีตบะเดชะเจอธูปไฟเข้ากำนึงก็ต้องสะดุ้งโหยง)
จนกระทั่งเป็นองค์จตุคามรามเทพมาเข้าทรง ในรอบท้ายๆ และสื่อสารกับท่านจนเข้าใจว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร การปรากฏตัวของท่านจตุคามรามเทพมีวัตถุประสงค์เป้าหมายในการชำระล้างความผิดปกติของเมืองนครศรีธรรมราช ในทางจิตศาสตร์ ซึ่งท่านได้ให้คำอธิบายว่าที่เมืองมีปัญหาอาชญากรรมต่างๆมากมายกฎหมายใช้ไม่ได้ผลผู้คนไม่มีความสุขมันเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์ที่เป็นคำสาปเก่าแก่ตกต้องครอบงำเมืองอยู่
ซึ่งท่านมีวิถีและวิธีแก้ไข ประกอบด้วยกระบวนการและกรรมวิธีสำคัญ หลายเรื่องหลายประการที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันบ้างไม่เกี่ยวข้องกันบ้างแต่ท้ายที่สุดแล้ว ท่านว่าเชื่อมโยงกัน โดยมีงานหนักไปในทางการทำหลักเมืองใหม่ ของเมืองนครซึ่งแต่เดิมทีมีลักษณะเป็นอาณาจักรแวดล้อมด้วยเมืองบริวารทั้ง 12 ทิศมีความโอ่อ่าและเกรียงไกร
อีทีนี้ในทางศิลปะต่างๆ แล้วพลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล ในอีกแง่มุมหนึ่งท่านก็เป็นศิลปินในตัวเองเป็นผู้มีความสามารถมากสามารถสเก็ตช์ภาพต่างๆ ออกแบบงานศิลปะหลายชนิดได้อย่างงดงามน่าพิศวง
เมื่อถึงเวลาสร้างเสาหลักเมืองและศาลหลักเมือง ยอดของหลักเมืองนครศรีธรรมราช พลตำรวจโทสรรเพชญก็เป็นคนทำการคิดวิเคราะห์ออกแบบ โดยใช้ใบหน้าของเทวรูปสำคัญไปประดิษฐานไว้รอบทิศ งดงามมาก โดยท่านว่าท่านอาศัยอ้างอิง ความงดงามนี้จากประตูทางขึ้นวิหารทรงม้า ที่พระบรมธาตุซึ่งมีภาพนูนสูงจำหลักไม้ที่บานประตูเป็นรูปเทพบุตรสองท่าน ท่านหนึ่งถือคันธนู และที่ใต้คันธนูนั้นมีหมอนรองบ่งบอกให้ทราบถึงความมีลำดับศักดิ์อันสูง
อย่างไรก็ดีควรจะแทรกไว้ในที่นี้ว่าคันธนู อันเปนอาวุธใช้ยิงนั้น โบราณเรียกว่าปืน ส่วนรูปเคารพที่เป็นเทพยดาผู้ชายถือคันธนูนั้นท่านเรียกกันว่าทรงปืน เช่น คำว่าพระนารายณ์ทรงปืนไม่ได้หมายความว่าพระนารายณ์ท่านถือปืน Smith & Wesson บรรจุลูกกระสุนพร้อมยิงกันซะที่ไหน ปืนในที่นี้ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ยิงอะไรก็ตามแล้วการกิริยาทำยิงได้พากระสุนออกไปไกลจากตัวได้ก็เรียกว่าปืนแล้ว ส่วนปืนที่มีกลไกการระเบิดจุดระเบิด ในระยะหลังมาที่เทคโนโลยีทันสมัยขึ้น มันมีไฟท่านจึงเรียกว่าปืนไฟ ส่วนปืนไฟนั้นมีเสียงดังโป้งป้าง ตูมตาม ท่านก็ใช้คำต่อเนื่องมาว่า สีหนาทปืนไฟ ( ปืนไฟที่มีเสียงสิงโตคำรามกึกก้อง)
กลับมาที่ภาพเทพบุตรที่จำหลักเป็นภาพนูนสูง อยู่ที่ประตูไม้ทางขึ้นพระวิหารทรงม้านั้นพลตำรวจโทสรรเพชญได้กล่าวถึงว่าครั้งหนึ่งเอกอัครราชทูตเยอรมันเดินทางมานครศรีธรรมราชเพื่อเยี่ยมชมงานศิลปะวัตถุต่างๆ
เมื่อมาถึงบานประตูคู่นี้ท่านทูตกล่าวว่านี่เป็นศิลปะศรีวิชัยชั้นสูงที่สวยงามที่สุดเก่าแก่ที่สุดที่ท่านเคยมา พลตำรวจโทสรรเพชญจึงอ้างอิง ข้อมูลจากท่าน ว่าเห็นตรงกันๆ และในทางจิตศาสตร์นั้น ท่านตำรวจมั่นใจว่าบานประตูข้างหนึ่งจำหลักเป็นรูปท่านท้าวจตุคามอีกข้างหนึ่งจำหลักเป็นรูปท่านรามเทพ
โดยที่ทั้งสองท่านเป็นจิตวิญญาณฝาแฝดกันมักเรียกชื่อกันรวมๆ ว่าจตุคามรามเทพ ไม่ใช่เทวรูปที่นั่งชันเข่าแล้วมีป้ายเขียนบอกไว้ว่าท้าวขัตุคาม ท้าวรามเทพ
ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่พูดกันได้ยาก ว่าแท้แล้วคืออย่างไรแน่ เนื่องจากบรรดาเทวดาต่างๆ นั้นเวลาพูดกับคนหนึ่งท่านก็อาจจะใช้รูปหน้าใบหนึ่ง ท่านพูดกับอีกคนหนึ่งท่านก็แสดงตัวด้วยรูปลักษณ์อีกอย่างหนึ่งหน้าอีกอย่างหนึ่ง เพราะว่าท่านไม่ค่อยมีตัวตนเหมือนอย่างเรา ที่เป็นมนุษย์มีธาตุขันธ์คงตัวคงตน
ดังนั้นการตีภาพ ตีความย่อมไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เขาจึงมีคำกล่าวอยู่แล้ว ว่าเรื่องเดียวกันมองต่างกัน ขึ้นกับมุมมองว่าคนมองเป็นผู้มีความคิดสคูลไหน ย่อมาจากคำว่า school of thought
ถ้าเป็นคนไทยก็บอกว่าแล้วแต่ว่าจะฟังสำนวนไหน เรื่องเดียวกันมีหลายสำนวนก็เป็นความสนุกสนานเพลิดเพลินดีที่ความแตกต่างนั้นทำให้เกิดความน่าติดตามและมีความหลากหลาย ตัดมาที่การปรากฏของท่านจตุคามฯ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปในยุคนั้น ว่าคนมนุษย์ผู้ใดมีปัญหาอะไรๆ ก็มาเข้าพบปรึกษาท่านได้ ซึ่งท่านก็จะลงทรงในร่างทรงที่เป็นมนุษย์แล้วก็ช่วยอธิบายแก้ไขปัญหา
ครั้งหนึ่งบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในเกมชิงอำนาจระหว่างขุมกำลังทางทหารสองฝ่าย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในคนเดียวกัน มีความไม่ลงรอยกันหลายประการ
ซึ่งเวทีการเมืองไทยนั้น เป็นที่รู้กันว่า คนจะทำการปฏิวัติรัฐบาลประหารรัฐบาลได้ก็คือคนที่คุมกำลังทหารโดยเฉพาะทหารบกเพราะว่ามีกำลังเยอะ และอยู่ในทุกที่ พลเอกอาทิตย์คุมทหาร พลเอกเปรมคุมการเมือง พลเอกเปรมหวั่นใจ ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเวลานั้นจะถูกพลเอกอาทิตย์รัฐประหารยึดอำนาจให้หลุดจากเก้าอี้ และถ้าหากลงมือปลด พลเอกอาทิตย์เลย ระหว่างที่รอกระบวนการทางราชการ เกิดการข่าวเกิดรั่วขึ้นมาก็รับประกันได้เลยว่าการปฏิวัติมาถึงตัวแน่นอน
อีทีนี้พวกทหารเก่าๆเวลาเขาทำศึกกันก็ยังใช้วิธีดั้งเดิมเสริมงานเข้ามา นอกจากการคำณวนด้วยฤกษ์ผานาทีก็จะต้องมีปุโรหิต ครูอาจารย์ ดูดวงทำการจับยามวางฤกษ์ทำศึกตัด ไม้ข่มนาม ฯลฯ ฯลฯ
ผู้อยู่ในตำนาน เล่าเอาไว้ว่าพลเอกอาทิตย์ก็ใช้วิธีทางจิตศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาความไม่ลงรอยนี้ โดยใช้วิธีขุดคลองที่หาดใหญ่นัยยะว่าแก้อาถรรพ์ของผู้มีอำนาจบ้านเมืองให้ไหลลงน้ำลงทะเลไป
ซึ่งในทางพิธีกรรมพิธีการแล้วถ้าขุดคลองนี้สำเร็จความสามารถในการมีกำลังลึกลับมาหนุนหลังเพื่อให้ปฏิวัติโดยสงบเรียบร้อยได้ก็จะเกิดขึ้น
ฝ่ายพลเอกเปรมได้รับคำแนะนำจากใครไม่ทราบให้มาเข้าพบองค์ท้าวจตุคามรามเทพ โดยจะทำพิธีอัญเชิญกันที่อาคารหลังหนึ่งในเขตวัดพระบรมธาตุ ซึ่งเห็นทีรายละเอียด การเข้าพบครั้งนี้เป็นอย่างไรจะต้องใช้วิชาจตุคามศาสตร์ในการรับมือกับคู่แข่งทางการเมืองคนใหม่อย่างไร คงจะต้องปรึกษาอดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ สัมพันธ์ ทองสมัคร เนื่องจากพลเอกเปรมก็ล่วงลับไปแล้ว พลเอกอาทิตย์ล่วงลับก่อน ตามมาด้วยพลตำรวจโทสรรเพชญ ก็จะไม่เหลือผู้ใดในเหตุการณ์นอกจากท่านอดีตรัฐมนตรีสัมพันธ์ และ อาจจะมีนายทหารคนสนิทของนายกรัฐมนตรีเวลานั้นด้วยอีกคนหนึ่ง
แต่สรุปว่าการแก้ไขปัญหาในคราวนั้น องค์จตุคามที่ลงทรงท่านบอกวิธีแก้ไขให้ไปทำ โดยมีคีย์ Word เกี่ยวข้องกับคำว่า “ดับสุริยา” เนื่องจากพลเอกอาทิตย์นั้นชื่อของท่านก็มีความหมายคือสุริยะ ซึ่งส่องแสงสว่างแผดจ้า จำเป็นจะต้องดับแสงลงเสียบ้าง
แต่เมื่อแก้ไขสำเร็จแล้วท่านขอให้ไปช่วยซ่อมทองคำปลียอดพระบรมธาตุให้หน่อย แทนค่าให้คำปรึกษา ซึ่งก็น่าเชื่อ ด้วยว่ามีผู้ถ่ายภาพไว้ว่าตามธรรมเนียมแล้วใครทำยอดทองคำ เขาจะจารึกข้อความ จารึกชื่อ จารึกเจตนาเอาไว้ตามยุคสมัยต่างๆ
และคงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ในระยะหลังมานี้ก็พบว่ามีแผ่นทองคำบางแผ่นจารึกชื่อพลเอกเปรมฯ เอาไว้ด้วย ซึ่งท่านอาจจะนึกศรัทธาทำบุญบูชาด้วยตัวท่านเองไม่เกี่ยวข้องกับการที่คนแลเห็นว่าหาว่าท่านไปแก้บนจตุคาม ก็เป็นไปได้ ก็อย่างที่เรียนแล้วว่าตำนานก็มีหลายกระแส และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคิดพิสูจน์ เพราะความจริงไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวแต่มีหลายด้าน และน่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดผูกขาดความจริงเอาไว้ได้เพียงหนึ่งเดียวอย่างที่กล่าวอ้างกัน
อย่างไรก็ดี หากพูดถึงมูลค่าทางตัวเงินนอกเหนือจากคุณค่าทางศิลปะของยอดพระธาตุแล้วรายงานของกรมศิลปากรได้สรุปเอาไว้ว่าทองคำที่นำมาใช้ในการซ่อมสร้างยอดพระบรมธาตุในรอบปี 2537-2538 แบ่งออกเป็น ๗ ส่วน คือ ทองคำแผ่นรีดใช้สำหรับหุ้มปลียอด, ทองคำที่ใช้ทำกระเปาะพลอย ๓๐ ชั้น, ทองคำที่ใช้ทำพุ่มข้าวบิณฑ์, ทองคำที่ใช้ทำเส้นลวด, ทองคำที่ใช้ซ่อมแผ่นจารึก, ทองคำที่ใช้ทำตลับทองคำ, และ ทองคำในส่วนที่ใช้สำหรับส่วนอื่น ๆ รวมน้ำหนักทองคำทั้งสิ้น = ๑๔๐,๔๔๗.๙๘ กรัม ถ้าคิดราคาทองคำสมัยนี้บาทละห้าหมื่น บนยอดพระธาตุนั้น ก็มูลค่าเกือบ ห้าร้อยล้านบาทไม่หนี