ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา

15 พ.ย. 2568 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ย. 2568 | 01:06 น.

ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

KEY

POINTS

  • ปู่จ๋านคือฆราวาสผู้ประกอบพิธีกรรมของล้านนา มีความเชี่ยวชาญในการสวดและบริหารจัดการพิธีสืบชะตาให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
  • พิธีสืบชะตาเป็นความเชื่อเพื่อแก้ไขดวงชะตาที่ติดขัดหรือรู้สึกไม่ดีให้ดำเนินต่อไปได้ ซึ่งแตกต่างจากการสะเดาะเคราะห์สำหรับผู้ที่ชะตาขาด
  • ปู่จ๋านมีบทบาทสำคัญในการนำขั้นตอนต่างๆ ของพิธี ตั้งแต่การป่าวเทวดา การกล่าวคำถวายทาน (เวนทาน) ไปจนถึงการแผ่ส่วนกุศล

คนเรานั้นเวลาเกิดปัญหาความว้าวุ่นไม่สบายใจเป็นด้วยเหตุถูกจู่โจมจากเพศภัยร้ายแรงหรือสิ่งที่มองไม่เห็นแต่รู้สึกว่ามีอยู่ ก็มักจะรู้สึกว่าชะตาไม่ดี คือมันไม่ได้ถึงกับว่าชะตาขาด_แค่ว่าไม่ดี

ซึ่งว่าถ้าชะตาขาดแล้วเขาก็ต้องรีบไปสะเดาะเคราะห์แล้วต่อชะตาด้วยการเจรจากับ พญายมราชหรืออย่างไงก็แล้วแต่ แต่กรณีว่าชะตามันยังไม่ขาดแต่มันเหมือนจะกุดกุด คือหยุดอยู่ไม่เคลื่อนไหวอย่างนี้ก็จะต้องทำการหาทางแก้ไข โดยทำพิธีบางอย่างที่เรียกว่าสืบชะตาคือหมายความว่าสืบสานต่อไปให้ชะตานั้นเคลื่อนที่ได้ หรือแก้ปัญหาการสะดุดหยุดอยู่ให้มันหาย ถ้าจะยืดยาวได้ก็ทำการสานต่อเหมือนกับสานเสื่อสานสาดให้ยาวออกมาจึงเรียกกันว่าไปทำการสืบชะตาซึ่งอาจมาจากคำว่าสืบสานสืบต่ออย่างนี้เอง

การสืบชะตาเป็นพิธีต่างหากจากการบูชานพเคราะห์ซึ่ง เป็นความเชื่อชนิดที่ว่าคนโบราณสังเกตเห็นและอุปโลกน์ตั้งให้ดวงดาวบนฟ้าแทนค่าด้วยเทวดาชนิดต่างๆทั้งพระศุกร์พระเสาร์พระพุทธพฤหัสเมื่อเทวดาเขาเล็งกันคือดาวมันทำมุมใส่กันก็เกิดปัญหาว่าคนที่นับถือในเรื่องพวกนี้จะเกิดความไม่สบายอกไม่สบายใจต้องทำบุญแล้วก็แผ่อุทิศส่วนกุศลไปยังเทวดาเหล่านั้นซึ่งเรียกกันว่านักขัต (นักษัตร)

ซึ่งทางฝ่ายเมืองเหนือเรามีความเข้าใจลึกซึ้งว่าเป็นเรื่องแยกกันชัดเจนระหว่างพิธีกรรมทางโลกและพิธีกรรมทางธรรม

บังเอิญว่าเมื่อมีการไปเห็นพระสงฆ์อยู่ในพิธีการเหล่านี้แล้วพิจารณาไม่ทันละเอียดรอบคอบดีก็ไปกล่าวหาท่านเสียก่อนว่ากระทำการนอกเหนือจากสิ่งที่พระวินัยกำหนดไว้แต่แท้จริงแล้วมิใช่ เปนแต่ว่าเจ้าภาพให้ความนับถือในของหลายสิ่งหลายศาสตร์พร้อมๆกัน ซึ่งโดยเนื้อแท้ธรรมชาติที่ในสังคมมีผู้ปฏิบัติขัดเกลาตนเองตามวิถีต่างๆมากมายสายพราหมณ์ก็มีสายฤาษีก็มาการจัดพิธีกรรมหรือกิจกรรมร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมก็จำเป็น ที่จะต้องมีงานทางโลกสักอย่างนึงให้ผู้คนสามารถเข้าร่วมกันได้โดยไม่ขัดเขิน

 

ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา

 

ในส่วนเนื้อหางานประเพณีอันที่เป็นเรื่องของทางโลกเมืองเหนือพระท่านก็มีคู่ดำเนินการเป็นฆราวาสเรียกกันว่าปู่อาจารย์ (ปุราจารย์)หรือเรียกออกสำเนียงว่า_ปู่จ๋าน ซึ่งภาคกลางอาจจะมองว่าเป็นมัคทายกแต่จริงๆแล้วทางเหนือไปไกลกว่านั้น ปู่อาจารย์มีความสามารถในการขับกล่อมขับกลอนธรรมะ รู้รูปแบบธรรมเนียมรู้วิธีการทั้งทางพระและทางฆราวาส บริหารจัดการงานพิธีได้อย่างซาบซึ้งกึ่งสนุกสนานและอิ่มใจ

ในการสืบชะตาเองที่ภาพจำทั่วไปเรามักจะเห็นว่าจะต้องใช้ไม้ยาวเอามาค้ำกันให้เป็นเส้าจะใช้ไม้สามเส้าหรือสี่เส้าก็แล้วแต่ แต่ค้ำกันให้เป็นรูปทรงอย่างปิระมิดหรือกระโจมแล้วให้ผู้ที่ถูกชะตาเล่นงานนั่งอยู่ข้างในนั้นมีสายสิญจน์หรือด้ายสืบชะตาโยงลงมาจากจุด รวมเส้าแล้วเอาพัน รอบหัวตัวเองนั่งฟังพระสวด

แท้จริงแล้วมีปริศนาธรรมเยอะแยะมากมายในงานพิธีที่สวยงามและเปี่ยมคุณค่าเช่นนี้

เมื่อจะสิ้นปีมีโอกาสขึ้นไปสังเกตการณ์และร่วมในพิธีสืบชะตาของวัดบ้านเป้าที่อำเภอแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้เห็นความเรียบง่ายในสไตล์แบบเชียงตุงทำพิธีสืบชะตาซึ่งถ้าเทียบกับแบบเชียงใหม่แท้แล้วจะต้องวุ่นวายแล้วอลังการมากกว่านี้เพราะมีที่จะต้องโยงถึงการบูชานพเคราะห์ด้วย ต้องจัดเตรียมสะตวงใส่ข้าวของตุ๊กตุ่นตุ๊กตามากมายปักธงไสวประกอบเครื่องคาวหวาน

ภิกษุหนุ่มผู้ประกอบพิธีวันนี้เป็นคนบ้านเป้าแต่รับเอาการศึกษาภาคพิเศษจากเขมรัฐเชียงตุงมาด้วยท่านพยายามอนุรักษ์และสืบสานชะตาที่ใกล้ขาดของฝ่ายชาติพันธ์ดั้งเดิมโดยการสืบสานงานพิธีที่เรียกกันว่างานปอย

 

ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา

 

ทำอะไรได้ก็ทำ ซึ่งนอกจากเป็นเครื่องค้ำชูจิตใจของผู้คนในถิ่นแล้วผู้คนต่างถิ่นที่มีความงดงามซาบซึ้งในวัฒนธรรมอันแตกต่างจากตนนั้นก็น้อมนำตัวเองเข้ามาเพื่อร่วมรักษาและซึมซับซึมซาบไปด้วย

โดยทั่วไปแล้วงานสืบชะตาสืบได้ทั้งชะตาคนชะตาบ้านชะตาเมืองซึ่งเมื่อเลาะดูไส้ในแล้วอาจไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำบุญทำทานขนาดใหญ่หมายความว่าจะต้องทำการจัดเตรียมข้าวของต่างๆนานาที่จะทำบุญเอาไว้ให้เพียบพร้อมซึ่งทางเหนือใช้คำว่าเวนทาน จะถวายอะไรให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณะจะเป็นประโยชน์แก่สงฆ์ก็ทำกันในสถานการณ์นี้ส่วนข้าวของบริวารจะเป็นต้นกล้ากล้วยอ้อยมะพร้าวเป็นทรายใส่กระบอกเป็นแผ่นขัวแตะไม้ไผ่สานสะพานเล็กสะพานน้อยข้าวปลาก็นำมาเพื่อการทำบุญทำทานในลำดับต่อๆไป

โดยเขาจะเริ่มกันตั้งแต่วันแต่งดา คือตกแต่งข้าวของที่จะใช้ในการบุญทำให้สวยงาม เมื่อพร้อมดีแล้วปู่จ๋านจะต้องพาเราทำการขอขมาข้าวของเหล่านั้นเพราะบางทีวางไว้ไม่เหมาะสมเดินเฉี่ยวข้ามไปข้ามมาอาจเป็นพวกหนังสือหนังหาอาจจะเป็นรูปเคารพต่างๆที่จะนำมาเป็นของทานถวายหรือเด็กซนซนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการผู้ใหญ่โดนด่าว่ากล่าวด้วยคำไม่ไพเราะก็เป็นวาจาทุจริต ควรจะชำระความผิดบาปทางกายใจเสีย

เมื่อขอขมาเสร็จแล้วก็จะได้บังเกิดความบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นในดวงใจของผู้ที่ได้พลั้งพลาดไปกระทำการโดยไม่ได้ตั้งใจ

จากนั้นแล้วจึงจะไปป่าวร้องอัญเชิญเทวดาให้มารับรู้รับทราบมาร่วมในงานบุญร่วมอนุโมทนาสาธุการคำป่าวเทวดาของทางฝ่ายนี้ไพเราะจับใจไม่ได้กล่าวเป็นบาลีแต่เพียงเท่านั้นยังได้สอดเอาภาษาพื้นบ้านที่เข้าใจง่ายเข้าไปในบทอัญเชิญเทวดาเสียด้วย

 

ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา

 

ยกตัวอย่างเช่น “ดูรา ฝูงเทพท้าว พงพฤกษ์ด้าว เขตโขงไข แผ่นดินไตรอากาศกว้างโกฏิ สังขยา ฝูงอยู่ไกลและอยู่ใกล้ ทุกต้นไม้และรุกขา ทุกเทพท้าวมากมวลมีอันรักษาต้นหญ้าและวัลลี่ย์ อันรักษานที บัพพะเต ฯลฯ” เรียกกันเป็นภาษาพื้นบ้านว่าป่าวเทวดา

เมื่อท่านทั้งคนทั้งเทวดาและคนมาพร้อมกันแล้วปู่อาจารย์จะกล่าวคำสรรเสริญคุณพระรัตนไตรซึ่งใช้คำตรงไปตรงมาว่ายอคุณ ซึ่งก็มีความไพเราะจับใจอีกเช่นกันมิใช่ว่าขออาราธนาเอาแต่คุณพระรัตนไตรมาเป็นที่พึ่งแต่เท่านั้นเขาสรรเสริญด้วยถ้อยคำอันปราณีตและเข้าใจได้โดยซาบซึ้ง

ถัดมาแล้วจึงกล่าวคำถัดมาแล้วจึงกล่าวคำตั้งปณิธานว่าที่มารวมกันพร้อมหน้านี้มีปณิธานอะไรอยากจะไปให้พ้นห้วงวัฏสงสารหรืออยากทำอะไรจะได้เกิดความแน่วแน่มั่นคงในกิจกรรมงานบุญที่กำลังทำ แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนพิธีให้พระสงฆ์ให้ศีลประสงค์สาธยายพระปริตร

คราวนี้จะถวายอะไรปู่จ๋านก็จะเริ่มสาธยายคำเวนทานแทนที่จะกล่าวเป็นภาษาบาลีสั้นสั้นง่ายง่ายต้องใช้คำว่าเขาสาธยายโดยไพเราะจะถวายตู้ถวายเตียงจะถวายเครื่องปั่นไฟเครื่องพิมพ์ดีดรับวิทยุไม่ใช่กล่าวเลื่อนลอยธรรมดามีการอ้างเอาเรื่องในอดีตว่าครั้งนั้นท่านผู้ใดถวายน้ำผึ้งแล้วได้เป็นเศรษฐีครั้งนั้นท่านผู้ใดถวายข้าวสารและได้อานิสงส์ดังนั้นดังนี้อ้างอิงเข้ามา ทำให้ทำให้บังเกิดความจับใจขึ้นมามากว่าการทำบุญทำทานนั้นหามิได้เป็นไปเพื่อสละของออกจากตัวให้ละความโลภแต่เพียงอย่างเดียวแต่เกิดความชุ่มจิตเย็นใจขึ้นมาในผลานิสงส์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งหากกุศลตรงนี้มีอยู่จริงก็ย่อมจะเป็นกุศลใหญ่โตมหาศาลว่ายังความสบายชุ่มฉ่ำใจให้แก่ ผู้ที่ยังข้องอยู่ในสังสารวัฏ เมื่อพระสงฆ์รับแล้ว

 

ปู่จ๋าน กับงานสืบชะตา

 

คราวนี้ก็จะต้องแผ่บุญที่ได้ออกไปให้กว้างขวางจะไปถึงเหล่าเทพยดาที่มาร่วมงานจะไปถึงบรรพชนผู้ล่วงลับไปถึงใครต่อใครในสามโลก ปู่จ๋านจะดำเนินการกล่าวแจกแจงด้วยคำโคลงอ่อนหวานการเป็นขั้นเป็นตอน

เสร็จเรื่องแล้วจึงพากันกรวดน้ำซึ่งอาจใช้คำว่าหยาดน้ำและโดยลักษณะของทางเหนือนี้ภาชนะบรรจุน้ำจะมีขนาดใหญ่เพราะบทกรวดน้ำนั้นยาวแล้วไม่ใช่เหมือนที่กรุงเทพที่กรวดน้ำให้หมดตรงบท ยถา ที่ว่ายถาให้ผีสัพพีให้คน ไปเมืองเหนือกรวดน้ำสองขยักรายละเอียดขอเชิญท่านแวะมาสังเกตดูหน้างาน ขอรับรองว่าจะประทับใจมาก

หมดงานพิธีแล้วต้นไม้ต้นกล้าต่างๆก็นำไปปลูก เมื่อได้ผลเป็นที่น่าชื่นใจก็เป็นบุญอันควรอนุโมทนา ทรายที่นำมาใส่กระบอกไว้ก็เอาไว้เทถมในลานวัด ส่วนแผ่นไผ่สานก็เอาไว้ทอดข้ามบริเวณน้ำเอะอะแฉะได้ประโยชน์ขึ้นมาอีก

ที่วัดบ้านเป้านี้ตามพิธีค่อนข้างเรียบง่ายใต้ไม้ค้ำนั้นมีใบโชคหนึ่งใบพันด้าย สายสิญจน์อยู่ใช้โยงหัวเวลาพระสวดส่วนที่พื้นรองนั่งปูผ้าขาวมีใบขนุนห้าใบรองพื้นเป็นเคล็ดเอาว่าทำเพื่อหนุน ใครยังกังวลใจมากท่านก็ทำน้ำ มนต์อาบให้แต่น้ำมนต์นั้นไม่ใช่น้ำมนต์ทั่วไปเป็นน้ำมนต์ของฝ่ายไทยใหญ่เชียงตุงที่จะต้องอาศัยผงยาเสกอีกนั่นเอง ผงยานี้ก็ทำจากสมุนไพรต่างๆเสกเและป่าประชุมคาถาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีส่วนจะเป็นพุทธคุณเป็นธรรมคุณสังฆคุณหรืออริยะคุณก็แล้วแต่ ส่วนผสมหลักจะต้องมีส้มป่อยอยู่ในนั้นเพราะเชื่อถือกันว่ามัน ‘ปล่อย’ อะไรที่จับไว้มัดไว้ จะต้องปล่อยหลังจากที่ได้เจอกับส้มป่อย เข้าให้

ส่วนการบูชานพเคราะห์ในอดีตแยกกันสองวันกับงานสืบชะตา ปัจจุบันเอามารวมกันเพราะว่าจะได้สะดวกง่ายดายขึ้น ย่นระยะเวลา และพาให้ภารกิจทุกชนิดเกี่ยวกับความ กังวลใจในชะตาชีวิตผ่อนคลายลงโดยไว