ความรื่นเริงในการบุญ

01 พ.ย. 2568 | 03:35 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2568 | 03:35 น.

ความรื่นเริงในการบุญ (ต่อจากตอน 1) คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

KEY

POINTS

  • การเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เชียงแสน เพื่อนำพระพุทธรูปและเทียนแก้วไปถวายที่วัดป่ายางสบยาบ ริมแม่น้ำโขง
  • แม้จะพบอุปสรรคระหว่างทาง แต่ก็ได้จัดเตรียมเครื่องถวายเพิ่มเติม ทั้งสังฆทานและดอกไม้ผลไม้จากตลาดท้องถิ่น
  • การทำบุญสำเร็จลุล่วงด้วยดี สร้างความปิติยินดีและความรื่นเริงใจให้แก่คณะผู้ศรัทธาตามเจตนารมณ์

(ต่อจากตอน 1)

อันว่าการบุญการกุศลนี้ ที่จริงแล้วควรนับเปนภาระงาน (task) อย่างหนึ่ง ซึ่งมันจะต้องมีการคิด การวางแผนให้ดูง่าย แต่ พอลงมือทำ เข้าแล้วมันจะยากและลำบากตรากตรำ 55 โดยระหว่างทางการทำให้ได้บุญได้กุศลนี้ มันก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีเหตุการณ์นอกเหนือการวางแผน มาเป็นอุปสรรค ซึ่งถ้าเชื่อในเรื่องการขัดขวางการทำบุญของพวกเหล่า Demon (ปีศาจมาร) ที่ธรรมชาติมอบหมายให้เขาเกลียดการทำความดี แล้วไซร้ ก็ต้องไม่หงุดหงิดกับพวกมัน แล้วก็จะต้องเตรียมการรับมือกับมันโดยสุขุม พร้อมทั้งหาทางแจกของขวัญให้กับพวกมันอย่างสาสมในภายหลัง 55

โดยการพลิกสถานการณ์แก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อให้บุญกิริยาที่วางแผนนั้นสำเร็จลงให้ได้ดังเป้าประสงค์ งวดนี้ออกจากกรุงเทพก็บ่ายโขแล้ว เชิญเทียนแก้ว (เทียนพรรษาลายก้านแย่ง) ออกจากตึกที่กรุงเทพชั้นใน มุ่งหน้าไปรับพระเขียวพระแก้วขาว กับทั้งบัลลังก์ไม้สัก แล้วจึงตั้งต้นขึ้นเหนือ ไปบนถนนสายเอเซีย ซึ่งตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองนักยุทธศาสตร์เขาก็วางโครงข่ายการเดินทางเชื่อมโยงทั้งเอเชียเอาไว้ให้

มีสายหลัก ในบ้านเรา 2 สาย คือ ทางหลวงเอเชียสาย 1 (AH1) : เชื่อมต่อพม่ากับกัมพูชาผ่านประเทศไทย โดยเริ่มจากอำเภอแม่สอดจังหวัดตากไปทางนครสวรรค์, สระบุรี, สระแก้ว และสิ้นสุดที่อำเภออรัญประเทศ กับ ทางหลวงเอเชียสาย 2 (AH2): เชื่อมต่อมาเลเซียกับจีนผ่านประเทศไทย โดยเริ่มจากสะเดา (จ.สงขลา) ผ่านจังหวัดทางภาคใต้, กรุงเทพฯ, บางปะอิน, นครสวรรค์, และสิ้นสุดที่อำเภอแม่สาย (จ.เชียงราย) และยังมีสายย่อยๆอีกยิ่งย่อยมากตัวเลขจะมากขึ้นตามลำดับ เช่น ทางหลวงเอเชียสาย 13 (AH13): เชื่อมต่อห้วยโก๋น (น่าน) ไปสิ้นสุดที่นครสวรรค์ ผ่านแพร่, อุตรดิตถ์, และพิษณุโลก

 

ความรื่นเริงในการบุญ

ค่ำลงแล้ว ยังไปได้ไม่ถึงไหนเพราะด่านตำรวจเยอะทำให้การจราจรชะลอตัวโดยไม่จำเป็น (แต่ตำรวจคิดว่าจำเป็น ซึ่งเป็นความคิดและความจำเป็นของตำรวจแต่ฝ่ายเดียว) เลยตัดสินใจแวะไปกินข้าวที่อินทร์บุรี ร้านคุณไสว ซึ่งที่จริงแล้วเป็นของต้วมกับหน่อย ซึ่งเขาลือกันว่าลุงไสวเข้ามาเทคโอเวอร์ เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ แต่สรุปว่าเป็นร้านเดียวกันฝีมือเดียวกัน ทำปลาสามรสแต่ราดเต้าเจี้ยวใส่ขิงได้อร่อยดีมากๆ

จากนั้นก็เติมน้ำมันเบนซินคราวละ 1,500 บาท ให้เต็มถังวิ่งขึ้นไปทางสากเหล็ก โดยอาศัยทางตัดใหม่บริเวณตากฟ้าที่มุ่งหน้าไปตาคลี แทนที่จะมุ่งตรงเข้านครสวรรค์โดยผ่านทางชัยนาทเหมือนเคย เนื่องจากถนนทำใหม่แล้วขาไปขากลับสี่เลนโอ่โถงวิ่งสบาย อาจจะแลดูเหมือนอ้อมแต่ไม่ได้รู้สึกมากขนาดนั้น ถนนพาอ้อมเมืองพิจิตรไม่เข้าสะพานหินที่รุ่งเรือง เฟื่องฟูมาตั้งแต่ยุคค้าข้าวโผล่เข้าวังทรายพูน แล้วโผล่อีกทีที่ทองแสนขัน

แล้วก็ตัดออกจากเด่นชัยเข้าไปเมืองแพร่เลาะไปพะเยา รถตู้ 6 ที่นั่ง มีถังน้ำมันใบเล็กต้องขยันเติมน้ำมันบ่อยๆ ผลัดขับกันสามสี่มือที่เหลือก็นั่งหลับเป็นนกไป ระหว่างทาง มีผู้ปรามาสว่าขับช้าอย่างนี้ก็คง 7 โมงละมั้งที่เชียงราย แต่ก็ลบคำสบประมาทได้เพราะตีสี่กว่าก็ถึงแล้วที่กลางอำเภอเมืองเชียงรายแต่ผิดพลาดเล็กน้อยว่าโรงแรมที่จองไว้ได้แต่ห้องประชุม ส่วนห้องพักนั้นเต็มหมด กะจะ early check-in ก็ ไม่มีแขกคนไหนสละห้องออกเดินทางแต่เช้ามืดให้ห้องว่างแต่อย่างใด หารือกันแล้วจึงว่าก็ไปนอนที่วัดดีกว่า ไหนก็ตั้งใจว่าจะไปโผล่ที่วัด ตรงสุดชายแดนไทยลาวริมน้ำโขง ตอนหัวเช้าอยู่แล้ว จึงล้างหน้าล้างตาแล้วตั้งเข็มใหม่ขึ้นไปเวียงเชียงแสน ริมน้ำโขงเสียทันทีห่างไปอีกแค่ราว 1 ชั่วโมง

 

ความรื่นเริงในการบุญ

แวะเติมน้ำมันอีกแล้วก็ให้บังเอิญว่าถ้าตามแบบธรรมเนียมดั้งเดิมแล้วการที่จะถวายพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชานั้นเขาจะต้องมีบริวารของพระพุทธรูปไปด้วย อย่างน้อยก็ต้องมีเครื่องสังฆทานทั้งคาวหวานของใช้ของกิน คิดได้ดังนี้ก็เข้าร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าโมเดลของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงในปั๊มน้ำมัน ตามต่างจังหวัดยุคนี้จะพบว่าสถานีบริการน้ำมันปิดก่อนประมาณเที่ยงคืนหรือห้าทุ่มส่วนร้านสะดวกซื้อยังเปิดอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายต่อไป

อาจเป็นด้วยคนเดินทางน้อยลงความถี่ในการเข้าใช้บริการซื้อน้ำมันต่ำลง เปิดไปแล้วไม่คุ้มค่าต้นทุนคงที่ แต่ร้านสะดวกซื้อซึ่งได้ให้สัตย์ปฏิญาณกับผู้บริโภคไว้แล้วว่าจะต้องสะดวกตลอด 24 ชั่วโมงไม่อาจจะลบล้างคำสัญญาประชาคมชนิดนี้ได้ แม้ลูกค้าจะน้อยก็จำเป็นจะต้องเปิดให้บริการ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความอบอุ่นใจให้กับผู้บริโภคและนักเดินทางได้ไม่มากก็น้อย

เที่ยวได้หาข้าวของทำสังฆทานเป็นบริวารการถวายพระพุทธรูปทั้งยาล้างห้องน้ำ,น้ำตาล,ผงซักฟอก, กระดาษชำระ, ไม้ปั่นหู,ยาแก้ท้องเสีย,ยาแก้เจ็บคอ, ยาแก้ไข้ยาเคลือบกระเพาะ, แปรงสีฟัน,ยาสีฟันใบชา, น้ำดื่ม, น้ำมันพืช, ยากันยุง, ขนมแห้ง, บะหมี่ซอง กาแฟต่างๆนานา เตรียมพิซซ่าไมโครเวฟไปด้วย เผื่อว่าเจอพระท่านบิณฑบาตระหว่างทางก็จะได้ใส่บาตรถวาย_อร่อยดี เลาะเข้าถึงเวียงเชียงแสนแล้วเลี้ยวขวาทางจะไปเชียงของเลียบน้ำโขงไป ก็ให้ไปเจอตลาดเช้าน่ารักจุ๋งจิ๋งอยู่ข้างทางจึงเที่ยวตามหาดอกไม้มาตกแต่งทำดา

ซึ่งคำว่าซึ่งคำว่า “ทำดา” อันนี้ก็ไม่ใช่มาจากคำว่าธรรมดาที่เรียกย่อกัน แต่ว่าเป็นคำเก่าที่ยังใช้ในวัฒนธรรมของชาวทุ่งรวงทองที่ปลูกข้าวเป็นสินค้าหลักทางสังคมวัฒนธรรม จนปัจจุบัน บ่งนิยามความหมายของการตกแต่งข้าวของต่างๆให้สวยงามมีคุณค่า เรียกรวมว่าตกแต่งทำดา เรียกย่อว่าแต่งดา

 

ความรื่นเริงในการบุญ

 

ซึ่งมันจะต้องเริ่มต้นกันที่ดอกไม้ประดับ ซึ่งก็หาไม่มีหรอกที่เขาจะเอามาขายในตลาดท้องถิ่นเพราะในวัฒนธรรมพื้นบ้าน ดอกไม้เป็นของขอกันได้เก็บกันได้ริมทาง จะของบ้านใดก็หยิบได้เพราะหยิบเด็ดเอาไปเปนการบุญ ที่ตลาดเช้าแห่งนี้ก็จึงไม่มีหรอกดอกไม้ประดับที่นำมาขายมีแต่ดอกไม้ที่กินได้ใบไม้ที่กินได้ซึ่งรูปลักษณ์ทรวดทรงสวยงาม ทั้งดอกผักขี้หูด French Radis สีขาวสลับม่วง ดอกแคป่าลิ้นไม้ Spathodea Campanulata P Beauv. สีส้มอ่อน

ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ไม่ใช่เพียงว่าสวยแต่รูป ทว่าจูบก็หอมด้วยเพราะว่าผัดขี้หูดให้กลิ่นรสเหมือนอย่างวาซาบิฉุนอ่อนอ่อน นำไปแกงกับหนังควายใส่พริกให้รสชาติอร่อยเอร็ดเหลือประมาณ แต่ถ้าตำนานคลาสสิกจะต้องแกงกินกับปลาย่างรมควัน ใส่พริกแกงน้ำปลาร้าสุก

ในขณะที่แคป่าหรือดอกแคสีแสดอันนี้เอาไปยำหรือทำห่อหมกเกิดก็เคี้ยวได้เนื้อได้หนังดีมากๆ อมขมชุ่มคอ การใช้ดอกไม้กินมาเป็นของประดับตกแต่งทำดา ย่อมเป็นประโยชน์แก่ครัวทานสำหรับผู้ที่เป็นบริวารของวัดทำกับข้าวรับประทาน หรือ ทำกับข้าวถวายพระ ได้อีกโสตหนึ่ง เพราะวัฒนธรรมดั้งเดิมของฝ่ายนี้เวลาใส่บาตรใส่แต่ข้าวสุกหรือข้าวสวยส่วน กับข้าวไปปรุงที่วัด แล้วยกถวายตอนฉันมื้อเช้าต่างหาก ที่หลวงพระบางยังคงวัฒนธรรมนี้อย่างหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง เชียงของเชียงแสนนี้ ถ้าไม่ถูกเผาทำลายลงก็จะยังคงรุ่งเรืองสวยงามเหมือนอย่างหลวงพระบางที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกของโลก ไม่ต่างกันเลย

ได้ดอกไม้แล้วถัดมาก็ต้องหาส้มสุกลูกไม้ คราวนี้ก็ได้ผลอุลิต แตงโมเขียวดำสวยดี มีลูกแก้วมังกรอีกคู่นึงพร้อมทั้งผักใบหูเสือ ได้ลูกก่อซึ่งก็คือเกาลัดไทยแล้วก็ลูกอะไรซักอย่างที่เป็นถั่ว (nut) ลักษณะขมชุ่มคอ แม่ค้าว่าเรียกกันว่าลูกขม การที่ตกแต่งด้วย ลูกไม้เป็นเครื่องบอกความหมายของการได้ผลของความอุดมสมบูรณ์ตรงกับคำว่า ผลิทั้งดอก ออกทั้งผล อาจจะขาดข้าวตอกไปบ้างก็ไม่เป็นไร ได้ข้าวของตกแต่งครบถ้วนดีแล้วก็ไป improvise ประยุกต์เฉพาะหน้า กันที่หน้างาน

 

ความรื่นเริงในการบุญ

 

โดยการทั้งแบกทั้งแห่ข้าวของต่างๆไปกันคนละไม้คนละมือ_เข้าวัดถ้าเป็นทางพม่าแล้วเทวดาทั้งหลายที่รู้เห็นสถานการณ์งานบุญก็จะพากันมาฟ้อนรำอนุโมทนาซึ่งเป็นการแสดงออกเพื่อบอกความยินดีผ่านทางการดีใจ ถึงขั้นต้องฟ้อนต้องรำเพื่อระบายความท่วมท้นยินดีที่ overwhelm ออกมาจากอก

ทางพม่าจะทำเป็นรูปนัตหรือเทวดา มีหนวดลักษณะอ้วนกลมขึงขังแต่กำลังร่าเริงบันเทิงใจประดับอยู่ตามผนังวัดหรือพระธาตุต่างๆ เด็กๆปากไวก็เรียกท่านว่าท่านนัตหนวด (นัต= เทวดา/ผีสัมมาทิฏฐิ) โดยสมควรกล่าวถึงท่านเปนคำโคลงว่า “นามกรว่ากระไรไม่ทราบชัดแต่ถนัดโมทนาในกุศลเปนเจ้าพ่อหอนัตอยู่หนึ่งตนสร้างเจดีย์สำเร็จผล_ถึงเต้นรำ”

การปรากฏของท่านนัดหนวดนี้ในยุคสมัยปัจจุบัน contemporary ยังมีแม้กระทั่งรูปศิลปะที่ฝาผนังที่สนามบินนานาชาติมิงกะลาโดนกรุงย่างกุ้งก็มีรูปท่านนัตหนวดผู้นี้ประดับอยู่ในภาพเขียนชุดการมหาภิเนษกรมณ์ _the great renunciation) มหา+อภินิกฺขมน = มหาภินิกฺขมน แปลตามศัพท์ว่า “การออกมาเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่” วาดสีน้ำมันสวยงามตรงโถงผู้โดยสารขาเข้า

จัดข้าวจัดของใส่พานใส่ขันดักครูบาตนน้อยที่หน้ากุฎิของท่านแต่เช้าตรู่เรียบร้อย วัดป่ายางสบยาบแห่งนี้บรรยากาศสวยงามอย่างกับแดนสวรรค์ ด้านหน้าติดริมแม่น้ำโขง มองไปอีกฟากเป็นทุ่งนาและภูเขากว้างใหญ่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านหลังเป็นเนินภูเขาขนาดย่อมประดิษฐานพระบรมธาตุเก่าแก่พร้อมทั้งวิหารไม้สักทรงล้านนา ลมพัดโชยหอบกลิ่นน้ำไหลมาด้วยเย็นจิตชื่นใจตรงกลางมีลานกว้างขนาดใหญ่ ประดิษฐานรูปพญาอนันตนาคราชห้าเศียรทำเป็นศิลปะเชียงแสน ขดล้อมพระพุทธรูปปางเปิดโลกสีทององค์เล็ก งดงามมาก

ครูบาน้อยเจ้าอารามตนนี้ มีวัยราว 33 แต่มีภูมิความรู้ดีทั้งแง่งานศิลปะ และการปฎิบัติเจริญจิตภาวนา ท่านคงเห็นคณะศรัทธามาจู่โจมโดยไม่บอกกล่าวจึงลงจากกุฎิมาทักทายแล้วไขประตูศาลาเรียกหาให้เข้าไปพักผ่อนกันก่อน ท่านครองจีวรเรียบร้อยดีจึงก้าวเข้ามาทำหน้าที่ประธานสงฆ์ รับทานเทียนทานพระพุทธรูป

ทีนี้ก็เปนธรรมเนียมชาวเหนือว่าเวลาทำทานแล้วต้องหมายทาน ท่านจะขอชื่อเอาไปกล่าวอ่าน ประกาศไปแก่สามโลก ว่า ใครมาทำบุญทำทานอะไรบ้างอย่างไร ยามนั้นครูบาตนเด็กพูดขึ้นมาว่า ที่วัดนี้ เดิมที่เปนที่ตั้งของกองทัพเชียงแสน ภูมิประเทศดี มีเขาเตี้ยๆปลูกยางใหญ่ไว้เปนที่หมาย ใกล้กับน้ำไปมาสะดวก อาหารหากินง่ายเพราะน้ำของมีของเยอะ ทั้งกุ้งปูปลา ไปยันสาหร่ายไกน้ำ ส่วนอันว่าน้ำโขงแท้แล้วไม่มีความหมายเพราะที่จริงออกเสียงว่าน้ำของ หมายความว่าประดาข้าวของทั้งกินใช้ต่างๆล้วนไหลมาจากน้ำนี้ เป็นน้ำแก้วน้ำคำน้ำอัญมณีต่อชีวิตให้กับผู้คน สองฟากเรื่อยมา

อาตมาพบดาบเหม็ง ของทางจีนฝังดินอยู่มาก 8-9 เล่ม ยืนยันความสัมพันธ์กับจีนและการสงครามปกป้องดินแดน ตรงนี้ชาวเชียงแสนยันทัพเชียงใหม่ ลำปางที่ขนมานักไม่ไหว เชียงแสนเข้ากับพม่าได้ดีแต่เห็นไทยล้านนาด้วยกันมากล่อม จึงยอมตามเขา สุดท้ายจึงสูญเสียบ้านเมืองไป

 

ความรื่นเริงในการบุญ

 

ทำการฉลองพระเรียบร้อยแล้วจึงกล่าวคำถวาย อุทิศกุศลทั้งหลายเผื่อไปยังเหล่าพญานาคฆราชในภพภูมิละแวกนี้รวมไปถึงบรรดานักรบจำเป็นชาวเชียงแสนที่เสียสละออกมาปกป้องแผ่นดินของตนแล้วยังคงวนเวียนอยู่ ก็ขออย่าได้เสียใจที่บ้านเมืองได้สูญสลายหายไปวัฏจักรก็เป็นอย่างนี้มีเกิดมีดับ เป็นของธรรมดาโลก

ขออานุภาพ คุณพระศรีรัตนไตรที่สถิตไว้ดีแล้ว ณ สถานที่นี้ เป็นร่มแก้วปกห่ม ให้ท่านอบอุ่นร่มเย็นเหมือนอย่างที่เคยมี เหมือนอย่างที่เคยมาจนตลอดไปจน จนสุดทางเทอญ

ส่วนเทียนนั้นครูบาชื่นใจว่าที่วัดนี้ไม่เคยมีมา มีแต่ที่วัดเก่าในอำเภอเมืองพะเยาที่ท่านจากมามีผู้เชิญมาถวาย ท่านขอว่าให้จุดไฟเสียเลยเปนพุทธบูชาแต่พระพุทธรูปเปิดโลกริมแม่น้ำโขงเพื่อคนอื่นๆได้ต่อไฟเทียนจากเทียนที่เคยเปนของเราเปนประโยชน์มากหลาย นำความชื่นใจและร่าเริงยินดีในการที่บุญกุศลได้สำเร็จลงโดยเรียบร้อยและสำเร็จผลเกินกว่าที่ตั้งใจ

ขอกองกุศลทั้งนั้นที่ได้ทำไว้ที่ป่ายางสบยาบนี้ สำเร็จแต่คุณผู้อ่านทุกท่าน พร้อมทั้งหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจมัลติมีเดียส์ ขอท่านมีความสุขกายสุขใจอิ่มเอมในข้อเขียนกาละนี้โดยยินดีทุกประการเทอญฯ