KEY
POINTS
อันว่ากรณีเจดีย์พระบรมธาตุกลางเมืองนี้ลักษณะแต่เดิมทีท่านใช้เป็นสถานที่บูชาแบบว่าไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าจำพรรษาอยู่ ผู้ใดจะเข้าทำสาธารณะกิจกรรมก็จำเป็นที่จะต้องหักร้างถางพงกันเอาเอง ใครใช้งานเสร็จแล้วก็ทำความสะอาดเอาเอง หนักๆเข้าก็ไม่มีใครไปใช้งานจนเกิดเป็นความรกร้างเปนที่ทิ้งขยะซากเน่าอย่างที่ว่า
จนเมื่อท่านปานได้มาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ การข่าวก็ไว เข้าไปถึงในรั้วพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลนั้นคือ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสนาบดีมหาดไทยติดตามสถานการณ์
คนที่คิดมองโลกในแง่ร้ายก็จะได้แลเห็นแล้วว่ากรณีที่ท่านปานสามารถซ่อมพระธาตุได้โดยมีแต่ผู้คนทุกสารทิศมาให้การสนับสนุนนั้นจะต้องระมัดระวังว่าเป็นกรณีซ่องสุมผู้คนทำการกบฏต่อราชการได้ง่าย
อย่างที่เขาเรียกกันว่า มีการชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์ สะสมทรัพยากร แล้วกบฏลักษณะนี้ก็เป็นที่เรียกกันทั่วไปว่ากบฏผู้มีบุญ หรือที่ใช้คำย่อกันว่า ผีบุญ
เพราะถ้าไม่มีความพิเศษใดๆในตัวผู้ก่อการแล้ว การจะทำงานใหญ่ๆงานยากๆมันจะเป็นไปไม่ได้ คนที่เป็นโต้โผ ทำการซ่อมพระธาตุแล้วผู้คนมาร่วมมือกันโดยมหาศาลนั้นเป็นที่น่าสงสัย ตกอยู่ในข่ายของการดำเนินการเป็นคลื่นใต้น้ำ หากผู้เป็นโต้โผ ปลุกปั่นโดยการกล่าวร้ายทางราชการโดยวิธีใดใดประดาผู้คนที่มาเข้าสมัครพรรคพวกด้วยก็จะเห็นคล้อยไปตามนั้น เกิดเป็นขบวนการต่อต้านขนาดใหญ่ขยายวงสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินต่อไปได้
เสนาบดีมหาดไทยเสด็จลงพื้นที่ไปแล้วพร้อมทั้งเทศาต่างๆกับฝ่ายเจ้าเมือง เมื่อได้พบตัวท่านปานนั้นบันทึกของนายเสงี่ยม ณ นครระบุเอาไว้ว่าเสนาบดีทรงมีความประทับใจในลักษณะของท่านปานเป็นพิเศษเนื่องจากเมื่อยืนตัวตรงแล้วแขนยาวเลยเข่า หูของท่านก็อยู่ต่ำกว่าลูกนัยน์ตาลักษณะกรอบใบหน้าต่างๆแลเห็นได้ชัดว่าตรงตามตำราของผู้มีบุญในทางพระศาสนา
เสนาบดีนำความขึ้นกราบบังคมทูลว่าพระภิกษุปานได้ดำเนินการต่างๆนั้นเป็นไปโดยชอบจึงมีพระมหากรุณาที่คุณโปรดให้พระภิกษุปานขึ้นเป็นพระครู เจ้าคณะเมืองที่พระครูเทพมุนี แล้วพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศส่งจากกรุงเทพลงไปให้
ในการถัดมาจึงโปรดพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูเทพมุนีศรีสุวรรณสถูปาภิบาล คือพระครูเทพมุนีผู้เป็นศรีแห่งงานรักษาสถูปทองคำ ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าแบบธรรมเนียมการสร้างพระธาตุนั้นแต่โบราณท่านจะต้องหุ้มยอดทองคำไว้แล้วก็จะต้องมีลูกแก้วพรรณราย ร้อยประดับเอาไว้อย่างงดงาม
เมื่อรับพระราชทานยศแล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับท่านพระครูเทพมุนีปานของเรา ชาวบ้านสังเกตว่าคุณวิเศษของท่านเช่นความสามารถในการเดินเร็ว ย่นทาง ความสามารถในการยกของหนักแล้วเบา ความสามารถในการเรียกหาความช่วยเหลือเป็นทรัพยากรจากทิศทางต่างๆ อย่างง่ายดายเริ่มหายไปทีละนิดทีละนิด
อาจจะเป็นด้วยว่าพระธาตุได้สร้างซ่อมสำเร็จแล้วเทวดาทั้งหลายกลับเทวสถานวิมานแดนตนก็เป็นได้ แต่ในขณะที่อีกกระแสหนึ่งมีผู้รู้ดีติดตามไปพบสถานการณ์อันน่าลำบากใจระหว่างท่านพระครูกับคุณหญิงลำเจียกซึ่งเป็นธิดาของพระยาตะกั่วป่า
คุณหญิงลำเจียกผู้นี้ท่านตกพุ่มหม้ายเนื่องจากเป็นอนุภรรยาของเจ้าคุณสุธรรมมนตรี เมืองนคร ยามมีเวลาท่านก็เข้ามาอุปัฏฐากดูแลกิจการของพระธาตุแล้วทำการช่วยเหลือท่านพระครูอุดหนุนสตางค์ในสถานการณ์ต่างๆเกี่ยวกับงานบุญอยู่เป็นระยะๆ เมื่องานเสร็จลงคุณหญิงเดินทางกลับตะกั่วป่า ว่ากันว่าท่านพระครูตามไปส่งถึงเมืองนั้น ชะรอยน่าจะมีสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาในเพศภิกษุภาวะ คงจะได้บังเกิดขึ้นระหว่างทาง แต่ก็หาได้มีผู้ใดทราบชัดแจ้งเปนหลักเปนฐานไม่
แต่ทว่าเมื่อคุณธรรมวิเศษต่างๆของท่านได้ทยอยหายไปด้วย ท่านก็บังเกิดความสลดสังเวชในตนเองที่ถูกชาวบ้านติฉิน เร่งเดินทางมากราบบังคมทูลขอรับพระบรมราชานุญาตลาสิกขา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลนั้นก็มีพระมหากรุณาพระราชทานอนุญาตให้สึก และเพื่อเห็นในคุณงามความดีที่ท่านอดีตพระครูได้ทำไว้แก่บวรพุทธศาสนา
ท่านสมมติเทพพระองค์นี้นั้น ท่านก็ช่วยเหลือท่านปานอีกโดยการพระราชทานที่ดินบริเวณพระธาตุไว้ให้พร้อมทั้งสั่งให้เทศาภิบาลทำการปลูกบ้านปลูกเรือนให้ท่านอยู่และมีกระแสพระบรมราชโองการตั้งให้อดีตพระครูเป็นผู้จัดการพระบรมธาตุเป็นตำแหน่งทางการ
ทั้งพระราชทานหม่อมแขให้ไปเป็นภรรยาโดยมีเบี้ยหวัดเงินเดือนให้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงใช้เลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิต ทว่าอยู่มาไม่นานพระครูปานผู้เทวดาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดนั้นก็สิ้นบุญเมื่ออายุเพียง 45 ปี
หน้าที่ในการบริหารจัดการพระธาตุก็ตกกับท่านร่มหรือพระร่มซึ่งมาจากเมืองไทรบุรีที่ได้เอาช้างมาถวายพระธาตุสองเชือกดังได้กล่าวไว้ในตอนแรก ซึ่งมาบัดนี้ได้เป็นที่พระครูแทนแต่ ราชทินนามคนละอย่างว่าพระครูพิศาลวิหารวัตร์ ท่านผู้นี้ชาวบ้านพูดกันนักหนาว่ามีเทคนิคการบริหารจัดการทรัพย์สงฆ์แพรวพราวไม่เบา
เมื่อพระธาตุเสร็จแล้วข้าวของต่างๆที่ประชาชนนำมาเข้าทุนหนุนนำในการทำการบูรณะเหลืออยู่ท่านก็จัดการจำหน่ายทรัพย์สินออกไปแปลงเป็นเงิน นกยูงทองคู่นั้นที่ได้มาจากหมื่นเดชาก็ขาย ช้างของตัวที่คู่นั้นตายหนึ่งตัวก็ขาย อีกเรือมาดต่างๆถ้วยชามรามไห ไม้ท่อนไม้ซุงทุกชนิดขายเกลี้ยงหมด แล้วเงินที่ขายได้ท่านร่มกับนางชีก็หอบกลับไปเมืองไทรบุรีแล้วก็ไม่มีใครเห็นตัวของท่านร่มอีกเลย
ส่วนสะตุ้งสตางค์ที่นำมาใช้รวมทั้งทองคำที่นำมาหุ้มพระบรมธาตุนั้นชาวบ้านก็พูดกันว่าท่านร่มทำการเล่นแร่แปรธาตุไปแล้วเรียบร้อยทองคำเนื้อเต็มก็ถูกทอนลงมาให้ไม่เต็มแม้กระทั่งของบางส่วนเช่นที่กลีบบัวก็ไม่ใช่ทองคำ
คนทางใต้ยังมีวลีพูดจาเชิงถากถางแกมขำขันเวลาเจอสถานการณ์ทำนองนี้ใช้คำว่า หยำขี้ท่านร่ม หมาย
ความว่า ขยำอุจจาระของท่านร่มเถอะ เป็นคำเก่าแก่ซึ่งค่อนข้างจะเลือนหายไปนานแล้ว
ปิดตำนานการสร้างซ่อมพระบรมธาตุที่เมืองนครไว้ในรัชสมัยรัชกาลที่ห้าโดยฝีมือของท่านพระครูเทพมุนีศรีสุวรรณสถูปาภิบาลแต่เพียงเท่านี้
ทำให้เห็นว่าชีวิตของคนๆหนึ่ง ผู้ซึ่งเทวดาให้การสนับสนุน จนเมื่อถึงนาทีหนึ่งแล้วไม่สามารถครองสภาพไว้ได้ทุกฝ่ายก็ล่าถอย กลายสถานการณ์กลับเหมือนคนธรรมดาและแม้ว่าองค์สมมุติเทพผู้ซึ่งบริหารราชการแผ่นดินได้ทรงพระกรุณาเห็นแก่ความตั้งใจและลำบากพากพยายามในอดีต ทรงหาทางสร้างช่องเลี้ยงชีพให้ก็ไม่สามารถดำรงชีวิตได้มีอายุยืนยาวกลายเป็นหมดบุญวาสนาเสียแต่เพิ่งวัยกลางคน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลถัดมาเมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จพระยุพราชได้เสด็จเมืองนครศรีธรรมราชเข้านมัสการพระบรมธาตุเจดีย์และมีพระมหากรุณาให้เปลี่ยนชื่อเป็นพระมหาธาตุในเวลาต่อมาประตูที่เสด็จเข้ายังเขตวิหารนั้นพระราชทานนามในภายหลังว่าประตูเยาวราชทรงสร้างซุ้มใหม่ถวายสวยงามศิลปะและมีพระมหากรุณาดำริให้ประดาวัดต่างๆที่อยู่รอบพระบรมธาตุนั้นต้องเริ่มบริหารจัดการให้พระบรมธาตุมีความเป็นอารามและมีภิกษุอยู่จำพรรษานัยยะว่าเพื่อการเมนเทนเนนซ์หรือบำรุงรักษาองค์พระธาตุจะได้มีเจ้าภาพ จริงจังขึ้นมาแทนที่จะปล่อยร้างไว้หรือปล่อยให้เป็นสถานที่ที่ไม่มีเจ้าภาพอยู่ต่อไป อันนี้ก็พูดถึงได้ว่าสมมติเทวดาท่านมาช่วยอีกแล้ว
การซ่อมบรมธาตุจริงจังคงมีต่อมาอีกหลายครั้งและในครั้งล่าสุดนี้กรมศิลปากรได้ดำเนินการในสมัยที่นายสัมพันธ์ ทองสมัครดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบริหารควบคุมกรมศิลปากรศิลปะวัตถุที่กรมศิลปากรได้ค้นพบเมื่อคราวบูรณะใหม่ในปี 2537 นั้นมีมากมายดังจะได้เล่าสู่ท่านฟังในตอนต่อไปแม้กระทั่งปูนที่ฉาบอยู่บนยอดพระเจดีย์ก็เป็นปูนที่ผสมด้วยของมีค่าอัญมณีต่างๆทั้งหลายปนอยู่ในเนื้อปูนซึ่งกำลัง เปื่อยสลายยุ่ยละลายไปตามกาลเวลาเช่นกัน
ในความระลึกถึงท่านปานและท่านร่มนั้นชาวบ้านยังกล่าวถึงว่ายังมีซอยในเมืองนครอยู่สองแห่งชื่อว่าซอยท่านปาน ซอยท่านร่ม ซอยท่านปานเป็นซอยที่อยู่ถัดจากซอยวัดหน้าพระลานลงมาด้านทิศใต้เชื่อมต่อระหว่างถนนราชดำเนิน และ ถนนหลังพระบรมธาตุมีที่มาจากชื่อจริงของ “พระครูเทพมุนีศรีสุวรรณสถูปมาภิบาล” ผู้นำการบูรณะองค์พระบรมธาตุและพระอารามครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงมีการนำชื่อจริงของท่าน มาตั้งเป็นชื่อชอย เพื่อระลึกถึงคุณปการในการบูรณะพระบรมธาตุจนสำเร็จเสร็จสิ้น ด้วยแรงศรัทธาของมหาชน
ส่วนซอยท่านร่มเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนหลังพระมหาธาตุ และถนนศรีธรรมราช อยู่ถัดจากถนนหลังพระธาตุ ซึ่งมีรายงานภายหลังว่า มีผู้พบท่านร่มเรี่ยไรเงินทองทำพระธาตุอยู่ที่เมืองมะริด และท้ายสุดได้มีคนพบศพท่านร่ม มรณะภาพอยู่ที่เมืองกระบี่ในปี พ.ศ.2458 มีทรัพย์สินติดตัวอยู่ทั้งหมด 4,621 บาท มีการหารือกันว่าทรัพย์ส่วนนี้ควรมอบมายังเมืองนครเพื่อปฏิสังขรณ์พระธาตุตามเจตนารมณ์ผู้บริจาคให้ท่านร่มไหม
แต่เพื่อความเป็นธรรมสำหรับ ผู้ตาย มีรายงานว่าพบสารจดหมายเหตุอันเป็นรายงานเขียนโดยลายมือของท่านร่มเองเพื่อรายงานต่อกรรมการ ว่าสตางค์ต่างๆได้นำ ว่าสตางค์ต่างๆได้นำไปใช้ในเรื่องใดบ้างแม้จะไม่ครบถ้วนทั้งหมด ทั้งหมดก็ตาม ปิดตำนานเทวดามาช่วยโดยสมบูรณ์แต่เพียงเท่านี้