รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

12 ก.ค. 2568 | 12:05 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2568 | 12:28 น.

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

KEY

POINTS

  • เรื่องราวของเจ้านางศรีจันทร์ หรือ "เนียง ด็อฮ ทม" แห่งปราสาทภูมิโปน ซึ่งเป็นที่มาของตำนานรักสามเส้า
  • นางเป็นที่หมายปองของชายสามคน คือ เจ้าชายโฮลมานผู้มีรูปโฉมอัปลักษณ์, บุญจันนายทหารคนสนิท, และกษัตริย์เมืองอื่นที่ยกทัพมาเพื่อชิงตัวนาง
  • เรื่องราวความรักจบลงด้วยโศกนาฏกรรม เมื่อนางต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดและปราสาทภูมิโปนไปตลอดกาล อันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดและการกระทำที่ไม่ได้ไตร่ตรอง

สัปดาห์นี้พาท่านผู้อ่านลัดเลาะมาดูสถานการณ์ความตึงเครียดแนวชายแดนไทยกัมพูชาว่า เขาจะทะเลาะกันไปทำไมมี แล้วมันมีเรื่องศิลปวัตถุอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างหรือเปล่าตามประสาคอลัมน์สบายๆในวันอาทิตย์ ก็ได้พบว่าไม่ใช่แค่ลำพังของสวยของงามซึ่ง ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีสาวที่ขณะนี้ไปว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกำลังคิดทบทวนว่าจะคืนไม่คืนหรือไม่อะไรกันอยู่

แต่ว่ามันเรื่องใหญ่ของใหญ่เลย คือว่า ฝ่ายกัมพูชาเค้าร้องแรกแหก ‘เชิง ไปยังสหประชาชาติจะเอาปราสาทหิน ทั้งปราสาทตาเมือนทม ตาเมือนอ๊อด ตาควาย อย่างน้อย 3 ปราสาทในไทยนี่ไปเป็นของเขา (แบบว่าแถมที่ดินด้วย เพราะที่ดินเปนส่วนควบของปราสาท 55)

ใช้คำว่าไปเป็นของเขาไม่ได้ใช้คำว่ากลับไป_เป็นของเขา เพราะแต่แรกเริ่มเดิมทีมันก็พิสูจน์กันยากว่าอะไรมันเป็นของใครในเมื่อชนชาติสมัยโบราณผู้ที่ก่อสร้างเขามลายหายสูญไปหมดแล้ว

 

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

คนที่เข้ามาครองก็เป็นคนใหม่เผ่าพันธุ์ใหม่กันทุกฝ่ายทั้งปราสาทหินนี้ก็ไม่ได้มีอยู่แต่ฟากชายแดนไทยกัมพูชาซะเมื่อไหร่ เพชรบุรีนี่ก็มีปราสาทหิน กาญจนบุรี ลพบุรี นี่ก็ใช่ มีเยอะแยะทั่วไปนึกจะอ้างอะไรใครก็ต้องหมั่นเกรงใจกันบ้าง

อีทีนี้ ถ้าว่าจะพูดถึงในแนวชายแดนไทยต่อกัมพูชามันก็อาจจะกล่าวได้ว่ามีปราสาทหินเรียงตัวกันอยู่ละแวกนี้ประมาณ 8-9 ปราสาท แถมมีเส้นทางเชื่อมโยงกันหมดทุกปราสาทเรียกเส้นทางที่เชื่อมโยงกันนั้นว่าถนนราชมรรคา เปนถนนโบราณอารมณ์เดียวกับว่าถนนพระร่วง ที่เชื่อมสุโขทัย ไปกำแพงเพชร ศรีสัชนาลัย

ซึ่งปัจจุบันนี้ตามแนวเส้นราชมรรคา ก็มีปราสาทหินอยู่ในกัมพูชา สัก 4-5 หลัง อยู่ในไทยสัก 4-5 หลัง ก็พอๆกันก็ไม่รู้จะเอาเพิ่มจำนวนกันไปทำไมในเมื่อมันเป็นวัฒนธรรมร่วมกันมาแต่โบราณ

 

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

อยากไปดูของเขาก็เดินข้ามแดนไปซี่ เค้าอยากมาดูของเราก็เดินข้ามแดนมาทำบัตรผ่านแดน บอร์เดอร์ พาสท์ ที่ไม่ใช่ บรอดดิ้ง พาสท์ ก็ทำง่ายสะดวกดายจะตายไป

เช้านี้ระหว่างทางยังไม่ทันเข้าถึงศรีสะเกษ/อุบล ก็แวะพักสำรวจตรวจของดีกันที่สุรินทร์เสียก่อน คนสุรินทร์ เรียกตัวเองว่า สะเร็น พูดจากันโดยภาษาเฉพาะ อย่างว่าภาษาส่วยภาษากูย ฟังลอยๆผิวเผินเหมือนภาษาแคมโบเดีย แต่ถ้าให้สองฝ่ายคุยกันแล้วจะฟังกันไม่รู้เรื่อง! รัฐมนตรี ชาดา ไทยเศรษฐ์ แห่งอุทัยธานี เคยอธิบายว่า “เขมรบน ไม่ยุ่งเขมรล่าง” บ่งนิยามความหมายนักการเมืองผู้ใหญ่พรรคภูมิใจไทยชาว นครชัยบุรินทร์ -(ศัพท์กระทรวงสาธารณสุขเรียกเขตพื้นที่เปี่ยมวัฒนธรรมร่วม นครราชสีมา + ชัยภูมิ+บุรีรัมย์+สุรินทร์) เปนฝ่ายตอนบน เปนคนละพวกกับฝ่ายตอนล่าง_ชาวแคมโบเดีย ก็ยิ่งเห็นภาพชัดเจน ว่าต่างกันๆ

ที่อำเภอศีขรภูมิ (แปลว่าแผ่นดินสูงอีก) ทางไปอำเภอสังขะ (ไม่มี ล ลิง กล้ำ ถ้ามีเปนสังขละบุรี อำเภอสังกัดเมืองกาญจน์) นี้ ยังมีปราสาทหินสวยๆอยู่หลังหนึ่ง ชื่อว่าปราสาท ภูมิโปน ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดแล้วก็ยังสมบูรณ์ที่สุดโดยสภาพ

เรื่องราวของภูมิโปนมีอยู่ว่ากษัตริย์ขอมพระองค์หนึ่งสร้างเมืองลับไว้กลางป่าใหญ่ชื่อว่าภูมิโปน “ภูมิ” หมายถึงหมู่บ้าน “โปน” มีความหมายว่า “หลบซ่อน” มีปราสาทหินเปนศูนย์กลาง

เจตนาว่าถ้าเมืองหลวง มีข้าศึกมาประชิด ก็จะใช้เปนที่หลบภัย จนกระทั่งวันหนึ่งภัยนั้นมาถึงตัวจริงๆ ท่านจึงส่งพระราชธิดานามว่า เจ้านางศรีจันทร์ ล่วงหน้าลี้ภัยไปภูมิโปนก่อน

 

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

 

ในเวลาเดียวกันนั้น มีเจ้าเมืองเอกรัฐเจ้าหนึ่งเตรียมการจัดงานใหญ่ของเมือง จึงส่งทีมพรานป่า ๗ คน และช้าง ๑ เชือก ออกป่าล่าจับสัตว์ไปทำกิน พรานป่ารอนแรมจนมาตั้งห้างล่าสัตว์อยู่ที่ ตระเบีย็ง เปรียน แปลว่าหนองนํ้าของนายพราน (อยู่ทางทิศใต้ของบ้านตาพรม ในปัจจุบัน) กลุ่มพราน 3 ใน 7 คน บังเอิญไปพบปราสาทภูมิโปนที่หลบภัยเข้า จึงได้ไปสำรวจแอบดู ก็พบเจ้านางศรีจันทร์ ผู้กำลังสรงน้ำอยู่ ก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด เพราะ เจ้านางไม่ใช่ว่างามกิริยาอย่างเดียว สรีระศาสตร์ก็งามจับตาด้วย เรียกกันว่า เจ้านาง “เนียง ด็อฮ ทม” แปลซื่อๆตรงๆตามหลักกายวิภาค ว่า นาง-นม-ใหญ่

พรานทั้งนั้นจึง รีบเดินทางกลับเมืองเพื่อไปรายงานเจ้าเหนือหัวแห่งตน เมื่อทางนั้นทราบความก็เร่งแต่งเตรียมกองทัพเพื่อไปรับเจ้านางมาเป็นชายา (จริงๆคือไปปล้น)

ฝ่ายเจ้านางศรีจันทร์หลังจากวันที่ไปสรงนํ้าก็เกิดลางสังหรณ์ กระสับกระส่ายว่ามีคนมาพบที่ซ่อนของนางแล้ว เมื่อเข้าบรรทมก็ฝันว่าได้ทำกระทงเสี่ยงทาย ใส่เส้นผมเจ็ดเส้น อันมีกลิ่นหอมและเขียนสาส์นใจความว่าใครเก็บกระทงของนางได้ นางจะยอมเป็นคู่ครอง ในกระทงยังให้ช่างเขียนรูปของนางใส่ลงไปด้วย

เมื่อตื่นขึ้นมาเจ้านางจึงได้จัดการทำตามความฝัน (ด้วยการที่นางเอาผมใส่ในผะอบเครื่องหอม ผมนางจึงหอม ได้ชื่อว่า เนียง ช็อก กระโอบ หรือนางผมหอมอีกชื่อหนึ่ง) และนำกระทงไปลอย ณ สระน้ำ หน้าปราสาท กระทงของเจ้านางได้ลอยไปยังอีกเมืองหนึ่งชื่อว่าเมืองโฮลมาน พระราชบุตรเมืองนี้เกิดเก็บกระทงของนางได้ ทันทีที่เจ้าชายเปิดผะอบก็หลงรักนางทันที

เจ้ากรรมว่าเจ้าชายโฮลมานนั้นขี้เหร่ แม้จะมีฤทธานุภาพมากในเรื่องเวทมนตร์คาถาและได้ชื่อว่าเปนผู้ที่รักษาคำสัตย์เป็นอย่างยิ่ง

พระองค์จึงเดินทางไปสู่ขอนางตามประเพณีเพราะเป็นผู้เก็บผะอบได้ แต่เหตุการณ์เกิดกลับตาลปัตร เมื่อเจ้านางศรีจันทร์ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าชายโฮลมานตัวจริงก็ร้องไห้โฮ เจ้าชายทรงเข้าพระทัยดีเพราะรู้ตัวว่าตัวเองมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่ด้วยความรักที่พระองค์มีต่อเจ้านางศรีจันทร์ผมหอมเนียงด็อทฮทม พระองค์จึงไม่บังคับที่จะเอาตัวนางมาเป็นชายา กลับช่วยเจ้านางขุดสระสร้างกำแพงเมือง และสร้างกลองชัยเอาไว้ เพื่อให้เจ้านางตียามมีเหตุเดือดร้อนต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์จะมาช่วยนางโดยทันที โดยตกลงกันไว้ว่าห้ามตีเล่นด้วยเหตุไม่จำเป็นเป็นอันขาด

 

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

 

ในการณ์นี้ก็ยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มาหลงรักเจ้านางศรีจันทร์ นั่นคือบุญจันนายทหารคนสนิท ที่พระราชบิดาของเจ้านางศรีจันทร์ไว้วางพระราชหฤทัย ให้รับใช้ใกล้ชิดถวายอารักขา

บุญจันหลงรักเจ้านาง แต่เจ้านางศรีจันทร์ก็ไม่ได้มีใจรักตอบ ยังคงคิดกับบุญจันแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น วันหนึ่งบุญจันได้เห็นกลองชัยที่เจ้าชายโฮลมานให้เจ้านางไว้ ก็นึกอยากตีเล่น จึงไปรํ่าร้องกับเจ้านางทุกเช้าเย็น อยากจะขอลองตีกลอง เจ้านางทนเซ้าซี้ไม่ไหว ทรงพูดประชดทำนองว่า ถ้าอยากตีก็ตีไป เพราะคงจะไม่ได้พบกันอีก

บุญจันก็หน้ามืดด้วยคิดว่านางมีใจให้เจ้าชายโฮลมาน จึงไปตีกลองโดยหงุดหงิดใจ ทันใดนั้นเจ้าชายโฮลมานและไพร่พลก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีตามสัญญา เพราะเข้าใจว่ามีเหตุร้าย เจ้านางศรีจันทร์เสียใจมากเมื่อต้องบอกถึงเหตุผลที่ตีกลองให้เจ้าชายทราบว่าเปนการตีเล่นๆไปงั้น

เจ้าชายโฮลมานตำหนิพระนางอย่างแรงและถือเป็นอันสิ้นสุดสัญญาที่ให้ไว้กับพระนางทันที พระองค์จะไม่มาช่วยเหลือพระนางอีกแล้วแม้จะตีกลองเท่าไหร่ก็ตาม

ฝ่ายพระราชาที่ส่งพรานป่าเจ็ดคนมาล่าสัตว์แล้วมาพบพระนางในตอนแรกนั้น ก็ส่งทัพมาล้อมเมืองภูมิโปนไว้ พระนางจึงหนีเข้าไปหลบภัยในปราสาทและคิดที่จะยอมตายเสียดีกว่า เพราะคนที่มาหลงรักพระนางแต่ละคนนั้น คนหนึ่งแม้จะเพียบพร้อมก็มีความอัปลักษณ์ คนหนึ่งก็มีความต่างศักดิ์ด้านชนชั้นจนไม่อาจจะรักกันได้ และยังมีข้าศึกมาประชิดเมืองหมายจะเอาพระนางไปเป็นชายาอีกจะตามเจ้าชายโฮลมานมาช่วยก็ บุญจันชายคนที่สองเล่นแกล้งซะเสียศูนย์ไปแล้ว กลายเปนรักสามเศร้ายิ่งกว่าสามเส้า

พระนางจึงพยายามหลบไปด้านที่มีการยิงกันตั้งใจจะโดนกระสุนให้ตาย แต่ก็กลับไม่ตายเพียงได้รับบาดเจ็บ แขนซ้ายหักและมีแผลเหนือราวนมด้านซ้ายเล็กน้อย (ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านดม-ภูมิโปนจะสังเกตเด็กผู้หญิงคนใดมีลักษณะแขนด้านซ้ายเหมือนเคยหัก และมีแผลเป็นเหนือราวนมด้านซ้าย จะสันนิษฐานว่าพระนาง เนียง ด็อฮ ทม กลับชาติมาเกิด)

 

รักสามเศร้า ของ เนียง ด็อฮ ทม

 

เมื่อพระราชาแห่งเมืองนายพราน (จยาธปุระ) ตีเข้าเมืองได้จึงรีบเอาตัวนางไปรักษา ด้วยมนต์เป่ากระดูกไม่ช้าพระนางก็หาย พระราชาจึงเตรียมยกทัพกลับและจะนำพระนางกลับเมืองด้วย พระนางจึงขออนุญาตพระราชาเป็นครั้งสุดท้าย ขอไปอาบนํ้าที่สระ และปลูกต้นลำเจียกไว้กอหนึ่ง พร้อมกับอธิษฐานว่าถ้าพระนางยังไม่กลับมาที่ปราสาทอันเปนที่รักแห่งนี้ก็ขอให้ต้นลำเจียกอย่าได้ออกดอกอีกเลย

หลังจากนั้นพระนางก็ถูกนำสู่นครทางทิศตะวันตก ไปทางบ้านศรีจรูก พักทัพและฆ่าหมูกินที่นั่น (ซี จรูก แปลว่า กินหมู) ทัพหลังตามไปทันที่บ้านทัพทัน (ซึ่งกลายเป็นชื่อบ้านในปัจจุบัน) และเดินทางต่อมายังบ้านลำดวน พักนอนที่นั่น มีการเลี้ยงฉลองรำไปล้มไป รำล้มในภาษาถิ่นคือเรือ็ม ดูล ซึ่งเป็นชื่อของ อ.ลำดวนในปัจจุบัน

พระนางศรีจันทร์ผู้นิราศไม่ได้กลับไปที่ภูมิโปนอีกเลย ต้นลำเจียกในสระจึงไม่เคยมีดอกเลยตราบจนทุกวันนี้

ศิลปิน โกเมนทร์(อั้ม) เชื้อเจริญ จากรั้วเพาะช่าง ระหว่างเรียน ได้รับทุน ศ.จิตร บัวบุษย์ /ทุนมูลนิธิรัฐบุรุษ ได้สร้างสรรค์ผลงาน ชีวิตรักสามเส้าของ เจ้านางเนียง ด็อทฮ ทม ไว้ได้อย่างน่าสนใจ โกอั้มว่า

ภาพแรกเปนสถาปัตยกรรมแบบขอมมีต้นดอกไม้บนสะพรั่ง สื่อถึงความงามความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรโบราณ และมีหอกลองที่เจ้าชายอัปลักษณ์แต่ซื่อสัตย์คนที่1 ทำให้นางไว้ อีกภาพเป็นขบวนเสด็จที่เจ้านางจำจะต้องเดินทางไปเมืองของชายคนที่ 3 เป็นตอนท้ายๆเรื่อง และนางหันหน้ามาดูเหมือน เหมือนว่าจะไม่ได้กลับมาภูมิโปนอีก

ส่วนหมู่ต้นลำเจียกที่พระนางทรงปลูกไว้ ใครไม่เคยเห็น ก็แวะดูใกล้แถวนาจอมเทียนได้ หมู่เตยทะเลรากสูง ซึ่งกลางเดือนสิงหาคมนี้ออกผลสวยงามแปลกประหลาด เยาวชนเห็นแล้วร้องว่านี่มันต้นผลไม้พิษของลูฟี่ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นแขนยืดได้นี่นา จึงได้เวลาเล่าสู่กันฟังว่านี่แหละหนาต้นลำเจียกในตำนานของไทยเราล่ะ 55

อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวจากปราสาทภูมิโปน ว่าในรอบพันปี มานี่ดอกลำเจียกบานเป็นดอกแรกและครั้งเมื่อไม่นานมานี้ อันนี้ก็ถือได้ว่าเปนตำนาน ซอฟท์พาวเวอร์ฝ่ายปราสาทหิน ที่ร้อยเรียงสร้างสรรค์ผ่านงานจิตรกรรมสวยงาม สะท้อนภาพความรุ่งเรืองของอาณาจักรโบราณผ่านนิทานเรื่อง เนียงด็อฮทม ที่ศิลปินสร้างจินตนาการผ่านเรื่องราวนิทานพื้นถิ่น เล่าที่มาของปราสาทภูมิโปนได้อย่างสวยงามแสนโรแมนติกแม้จะเศร้าสร้อยไปหน่อยก็ตาม

อย่างไรก็ดีที่สุรินทร์ยังมีของดีตราปราสาทอย่างน้อยอีกอย่างคือกาละแมกะทิสด ตราปราสาท เหนียวหนุบเคี้ยวเพลินอร่อยปาก กินแล้วไม่ต้องแปรงฟัน พอกระเดี๋ยวฟันผุปวดได้ที่ ก็จะหันมาเครียดกับฟันที่ปวดแทน เลิกปวดร้าวที่หัวใจที่อินไปกับพระนางนมใหญ่ศรีจันทรา!