วันนี้จู่ๆท่าน บก.บห. ส่งนกพิราบสื่อสารด่วนแจ้งความมาว่า สองวันนี้เกิดกรณีอื้อฉาวคึกโครมที่สมภารวัดไร่ขิงต้องคดีอาญา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางส่งสายลับระดับสัญญาบัตรแฝงตัวเก็บหลักฐานนานแปดเดือนที่ในวัด จึงพบหลักฐานการกระทำความผิด มีการโอนเงินผิดปกติจากบัญชีวัดไปเข้าบัญชีสมภาร (ซึ่งดำรงฐานานุศักดิ์ชั้นสูงเป็นราชาคณะชั้นธรรม อีกหน่อยจะเป็นรองสมเด็จอยู่รอมร่อแล้ว) สมภารก็ส่งต่อไปให้หญิงสาวซึ่งเอาไปแทงพนันในบ่อนออนไลน์อีกทีนึง ความสูญเสียเกิดขึ้นร่วม 300 ล้านบาท และยังตรวจสอบเส้นทางการเงินกันต่อถึงความผิดปกติได้อีกราว 700 ล้าน!
สมภารผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาคด้วย บอกกับสื่อมวลชนว่า อาตมามีญาณทิพย์รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องคดี จึงรีบมาพบตำรวจสำแดงความบริสุทธิ์ใจเสียก่อน ครั้นพอเจอหลักฐานต่างๆที่ตำรวจเค้ามีไว้ก็ถึงกับอึ้งเปล่งวาจาลาสึก เปลื้องผ้าเหลืองกลายเป็นคนธรรมดา รอการพิพากษาพิจารณาทางคดีต่อไป_เวรกรรม!!
ท่าน บ.ก. ก็อยากให้แทรกพิเศษเรื่องอะไรๆเกี่ยวแก่วัดไร่ขิงที่พอจะเป็นบรรณาการแก่ท่านผู้อ่านเป็นการเสริมมิติข่าวนอกจากตัวเนื้อข่าวกันบ้างว่างั้นเถอะ!
อีทีนี้ในทางศิลปะ_สุนทรียศาสตร์ตามหลักการของคอลัมน์ Cat Out of The Box เรานี้ประจำวันอาทิตย์มันจะเป็นเรื่องเครียดๆก็ไม่เหมาะดีจึงต้อง ขออัญเชิญภาพคุณพระปฏิมาหลวงพ่อวัดไร่ขิงที่ท่านประดิษฐานมาแต่เก่าแก่ในพระอุโบสถมาให้ท่านชมความงดงามทางศิลปกรรมกันเสียก่อน
ด้วยท่านมีศิลปะแบบผสมคนวิจารณ์งานศิลปะว่าองค์พระมีพระวรกายเชียงแสน แต่เค้าแนบพระพักตร์เป็นอย่างรัตนโกสินทร์ งดงามอย่างประหลาด ท่านมีไหล่กว้างพระพักตร์สะโอด ทรงแย้มยิ้มเยือกเย็นเป็นสง่าในที ปางมารวิชัย
ตามตำนานมีว่ายุคโบราณนั้นท่านลอยน้ำมาแล้วมาหยุดอยู่ท่าน้ำหน้าวัด ชาวบ้านทำพิธีฉุดท่านขึ้น อาราธนาเป็นพระประธาน ถือกันว่าท่านเป็นหนึ่งในเจ้าตำนานพระพุทธรูปลอยน้ำ 5 พี่น้อง ซึ่งลอยตามแม่น้ำสายหลักของประเทศ 5 สาย จนมีผู้พบเห็นและอาราธนาฉุดท่านกันขึ้นมาตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ พระพุทธโสธร ลอยมาตามแม่น้ำบางปะกง ขึ้นที่วัดโสธรฯ, พระพุทธปฏิมาวัดไร่ขิง มาตามน้ำนครชัยศรี ขึ้นที่วัดไร่ขิง, พระปฏิมาหลวงพ่อโต มาตามน้ำเจ้าพระยาขึ้นที่วัดบางพลีใหญ่ใน, องค์ที่สี่มาตามน้ำแม่กลองขึ้นที่วัดเพชรสมุทรฯ คือพระปฏิมากรคุณพ่อบ้านแหลม ส่วนองค์ที่ห้า มาตามน้ำเพชรบุรีขึ้นที่วัดเขาตะเครา ซึ่งผู้คนยุคใหม่ก็ว่ากันว่าเป็นไปได้อย่างไรพระหนักอึ้งจะลอยน้ำ?
ก็ต้องเรียนว่า ตามตำนานพระลอยน้ำมิได้มีแค่ห้าองค์หรอก ที่สามเสนนี่ก็มี ท่านลอยมาตามคลองใช้คนมากตั้ง 300,000 กว่าจะฉุดท่านขึ้นได้ เรียกเพี้ยนกันต่อมาว่าคลองสามเสน ก็สันนิษฐานว่าคนโบราณใช้ไม้ไผ่ทำลูกบวบพยุงท่านไว้แล้วปล่อยลงน้ำ (ไม้ไผ่ข้างในกลวงเป็นสุญญากาศเบาลอยน้ำได้) อาจจะด้วยหนีภัยข้าศึกบุกเมืองเข้ามาปล้นหรืออาจมีพิธีพลีกรรมบางอย่างสร้างพระขนาดเท่าตัวแล้วเสี่ยงทายลอยน้ำท่านไป ถึงที่ใดผู้คนจิตใจดีมีศรัทธาเห็นท่านก็จะได้ฉุดขึ้นไว้กราบไหว้ได้ทำบุญทำกุศล
ส่วนกรณีย้ายพระหนีภัยข้าศึกนี้ยังมีอีกเช่นกรณีพระทองคำ วัดไตรมิตร_พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ซึ่งพอกปูนไว้ตบตาโจรว่าเป็นพระปูนไม่มีค่า ที่ไหนได้กาลเวลาผ่านไปปูนกระเทาะเจอเนื้อทองคำเปอร์เซ็นต์สูงทั้งองค์_สุกปลั่ง (เนื้อเจ็ดสองขา จากเนื้อเก้าเต็ม 100)
ทีนี้ว่าพระพุทธโบราณจากอาณาจักรทางเหนือมักถอดเป็นชิ้นๆได้ แยกแขนแยกขาได้โดยมีกุญแจสลักไว้ไขประกอบ พระพุทธหลวงพ่อสุโขทัยไตรมิตรก็เช่นนั้นเคยเล่าสู่ท่านฟังตอนแวะเยี่ยมไหว้สาครูบามนตรีที่เมืองแพร่ท่านว่าข้าศึกมาก็ถอดพระเป็นชิ้นพาหนีได้สะดวกไม่งั้น ขนทั้งองค์หนีไปไม่ไหว ก็จะสูญเสียแก่ข้าศึก ในเวลาเดียวกันผู้คนก็ว่าไปวัดหลวงพ่อโสธรก็ไม่รู้องค์ไหนองค์จริง มีหลายองค์เหมือนกันที่ในโบสถ์ พอไปวัดเขาตะเคราก็มีวิหารสองหลังข้างในมีหลวงพ่อทองทั้งคู่ วัดไร่ขิงก็อีกตำนานว่าองค์ที่ลอยน้ำมาเล็กกว่าองค์ประธานปัจจุบันนี้ ฯลฯ อันนี้อะไรยังไง_งงงง?
ก็ขออนุญาตประธานกราบเรียนอีกว่า อันของล้ำค่านั้นท่านจะต้องทำลวง_ทำพรางกันตามสมควร ก็โจรมันเยอะแม้กระทั่งในวัด! ที่เมืองหลวงพระบาง องค์พระปฏิมาคือพระบางเองนั้นตั้งใจให้คนกราบไหว้ที่มุมหนึ่งของวังเจ้ามหาชีวิตในสปป.ลาว ชาวลาวก็ยืนยันว่ามีทั้งองค์จำลองและองค์จริง ชื่อเป็นทางการว่าพระบางพุทธลาวัณ
ซึ่งงานนี้บางทีอาจเป็นปริศนาธรรมสำหรับผู้กราบไหว้ก็ได้ ให้เลิกจิตประเภทว่าคิดแต่จำเพาะเจาะจง เหมือนอย่างกรณีสังฆทานที่ท่านว่าทำกับสงฆ์เป็นการทั่วไปได้กุศลมากกว่าทำแบบ จำเพาะเจาะจงผู้รับ ที่แนบมานี้นี่ก็เป็นภาพของเหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขิง ทรงเสมาซึ่งทำไว้ซึ่งทำไว้ตั้งแต่ปี 2467 สวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลา ขอบเหรียญแกะลวดลายกนกเหนือพระเศียรมีเส้นรัศมีเปล่งออกมาจากขอบเหรียญตรง หัวเข่าสองข้างอักษรไทยระบุว่าที่ระลึก ใต้อาสนะจึงจารึกนามของท่าน ส่วนด้านหลังเป็นอักขระขอมตาราง 25 ช่อง อ่านว่า พุทธังสะระณังคัจมิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังคังสะระณังคัจ
ช่องกลางเป็นตัวย่อจากอรหังสัมมาด้านนอกด้านล่างใส่พุทธะสังมิ ถือเป็นยอดศีลไตรสรณคมน์ภาพนี้ในตลับทองคำของเอก ลาดหญ้า น่านิยมและยังมีพระสมเด็จวัดไร่ขิงที่แกะพิมพ์โดยช่างเทวดาอย่าง ช่างเกษม มงคลเจริญ ทำไว้ในปี 2514 สมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อ พระคณาจารย์ชื่อดังมากมายร่วมพิธี โดยเฉพาะ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงปู่สุด วัดกาหลง, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ โดยหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ปลุกเสกทุกวัน ไปคนแรก กลับ คนสุดท้ายท่านว่าหลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองต้องตั้งใจทำให้ดีๆ
ส่วนที่ผู้คนท้องถิ่นนิยมบูชาองค์พระปฎิมาท่านด้วยว่าว โดยเฉพาะว่าวจุฬา นั้น ก็มิได้มีแต่ที่วัดนี้เท่านั้นหรอก วัดท่าพระก็นิยมบนบานบูชาหลวงพ่อเกษรด้วยว่าว ที่อีสานใต้กรณีหลวงปู่สรวงก็เช่นกัน
อันนี้นัยยะหนึ่งท่านก็ว่าพระปฏิมาที่ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เป็นที่ตัวท่านเอง เป็นแต่ว่าท่านมีปวงเทพยุดารักษาห้อมล้อมอยู่ ยามเมื่อผู้คนไปกราบไหว้ติดขัดปัญหาต่างๆก็บนบานศาลกล่าว เทพยดาเหล่านั้นถ้าว่าสงสารหรือมีบุพกรรมทำร่วมกันมาก็หาทางเข้าช่วยเหลือ จนเมื่อสำเร็จผลแล้วก็เอาว่าวมาถวายเป็นการเรียกว่าแก้_แก้บนซึ่งอาจเป็นด้วยว่าเทพยดานั้นท่านชอบเล่นว่าวซึ่งเป็นกีฬาสันทนาการมาแต่เดิม หรืออาจเป็นการส่งนัยยะบอกกล่าวว่า ‘นี่ที่ท่านมาช่วยนั้น กระผม/ดิฉันติดลมบนแล้วชีวิตไปได้ดีแล้วเหมือนอย่างว่าวได้ลมบน’
งานนี้หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก เกจิยุคสงครามโลกท่านเคยกล่าวว่า “ชีวิตคนให้ทำดีสร้างบุญเยอะเยอะสร้างกรรมดีมากๆก็จะไม่ตกลงมาให้ลำบากเหมือนว่าวติดลมบน” โดยหลานท่านสรุปเป็นกลอนว่า “ว่าวจุฬาเบิกฟ้าติดลมบนก็เหมือนชีวิตคนขึ้นบนไม่ลงมา”
วัดไร่ขิงมีผู้ศรัทธาพระปฏิมาคุณพ่อวัดไร่ขิงกันมากที่ธรณีสงฆ์กว้างใหญ่ไพศาลถึง 400 ไร่นอกจากเขตพุทธาวาสแล้วยังมีสถานศึกษาสถานพยาบาลในที่ธรณีสงฆ์อีก ทั้ง โรงเรียนประชาบาลวัดไร่ขิงสุนทรอุทิศ, มัธยมวัดไร่ขิงวิทยา และโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ที่เจ้าอาวาสองค์เก่าคือพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ได้รวบรวมศรัทธาสร้างขึ้นสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร์ รัชกาลที่9 เมื่อคราวเสด็จทอดผ้าพระกฐินเมื่อปี 2521 มีพระราชดำริ ทรงห่วงใยสุขภาพชาวไร่ขิงด้วยทรงแลเห็นภัยจากมลภาวะอุตสาหกรรม ที่จะมากระทบ จึงเกิดเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 400 เตียงรูปทรงสถาปัตยกรรมอย่างหลังคาเครื่องบนเป็นทรงวัดและกรมการแพทย์กำหนด วิสัยทัศน์ให้มีความเชี่ยวชาญทางจักษุวิทยาเพื่อก้าวไปสู่สถาบันจักษุวิทยาแห่งชาติในอนาคต
กลับมากล่าวถึงกรณีอื้อฉาวของสมภารปัจจุบันที่พึ่งจะลาสิกขารับสภาพการสู้คดีอันนี้ กองบ.ก. ท่านก็ถามกันว่านักข่าวแต่ก่อนเรียกอะไรอย่างนี้เรียก ‘ทิด’ ใช่ไหม แบบว่าใครเป็นพระแล้วศึกหาลาเพศมาชาวบ้านก็เรียกทิด
อันนี้ก็ต้องขอประธานกราบเรียนว่า ทิด นั้นท่านอาจารย์ใหญ่ราชบัณฑิตจำนงค์ ทองประเสริฐ ท่านว่ามาจากคำว่า ปาณฑิตย์ ซึ่งเท่ากับคำว่าบัณฑิต(ย์) นั่นเอง ท่านอาจารย์ว่าคนเราบวชพระมีหลายวัตถุประสงค์ บวชหนีสงสาร(วัฏ) ก็มี บวชผลาญข้าวสุกก็มี บวชเล่น บวชลอง, บวชคะนองตามเพื่อนก็มี แต่หากว่าผู้ใดบวชเรียน คือ บวชเพื่อเรียนเพื่อรู้พระสัทธรรม อันนั้นท่านว่าได้วิชาเป็นบัณฑิต การสึกจากสถานะอย่างนี้จึงเรียกกันว่า ‘ทิด’ คือเป็น บัณฑิต
ส่วนกรณีพระทำไม่ดีนักข่าวเก่าจะเรียก ‘สมี’ คำนี้ท่านอาจารย์วิษณุ เครืองาม ราชบัณฑิตก็เคยเล่าไว้ที่สงขลาว่า คำโบราณที่เรียกพระผู้ใหญ่เขาเรียกสามี เช่น กรณีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระราชมุนีสามีราโม เวลาพระผู้ใหญ่ทำไม่ดีไม่ถูกต้องตามศีลาจริยวัตรนักข่าวก็เรียก_สมี ไม่เรียกทิด ซึ่งในประวัติศาสตร์ ก็มีมีอยู่เยอะทั้งสมีเจี๊ยบ, สมีนิกรและอื่นๆ เป็นการเรียกประชด
ในกรณีของอดีตสมภารนี้ เจ้าคณะใหญ่หนได้ลงนามถอดถอนจากทุกตำแหน่งในทันทีที่ปรากฏข่าวอื้อฉาวก็ให้นึกถึงว่ากรณีศาสนาเปรียบเทียบนั้นฝ่ายคริสต์เขามีคำว่า the devil’s advocate คือยามที่เขาจะแต่งตั้งหรือเลื่อนชั้นเปนนักบุญ/บุญราศี กันนั้น เขาจะต้องมีคณะกรรมการสอบปาฏิหาริย์ ว่าที่จะเลื่อนขั้นมาเป็นนักบุญน่ะได้ทำปาฏิหาริย์อะไรไว้บ้าง? และเป็นการจัดฉากหรือเปล่าหรือเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ คณะกรรมการสอบปาฏิหาริย์นี้บางคราวใช้เวลาทำงานเป็น 100 ปีกรรมการตายไปแล้วก็มีกรรมการใหม่เข้ามาเพราะระยะเวลาการพิสูจน์ทราบมันนาน
เมื่อกรรมการนำเสนอเรื่องแล้วจะต้องมีฝ่ายปีศาจคัดค้านซึ่งการคัดค้านจะเป็นไปโดยเรื่อยเปื่อยอะไรต่างๆก็แล้วแต่ ถืออยู่แต่นักบุญนั้นเหมือนทองยังไงก็ต้องชี้แจงได้ อันนี้เราเรียกว่า devil’s advocate - คำแถลงคัดค้านฝ่ายปีศาจ
การณ์อันคนเราวาสนาดีได้อยู่ในวัดอันดับท็อป 5 ของประเทศ ซึ่งมีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ ในพื้นที่สังคมเกษตรกรรมที่รุ่งเรือง เงินทองก็ไหลมาเองโดยสมภารไม่ต้องมีวิชา ไม่ต้องพากเพียรเรียนปริยัติ ได้เป็นถึงเจ้าคณะภาคราชาคณะชั้นธรรม สเต็ปต่อไปจะได้เป็นรองสมเด็จอยู่แล้ว เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นก็เรียกว่า Devil’s advocate จริงๆ ปีศาจผีพนันมันร้องเรียนขึ้นมาซะก่อน
ท่านใดมีอารมณ์ต่อเนื่อง ก็ขอเรียนเชิญเรียกหาภาพยนต์ The Devil’s Advocate ปี 1997 มาเปิดชมให้เพลิดเพลิน นำแสดงโดยยอดฝีมืออย่าง อัล ปาชิโน่ ปะทะคีอ์นู รีฟ หรืออยากจะดูเรื่องที่มันหนักๆและต่อไปในทางนี้ ก็ขอแนะนำ งานแสดงชิ้นสำคัญของเอ็ดเวิร์ด นอร์ตั้น Primal Fear (1996) สนุกไม่แพ้กัน