เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 6

07 ธ.ค. 2568 | 06:55 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2568 | 07:06 น.

เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 6 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย…ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

คนจีนกำลังเตรียมอุ่นเครื่องรอวัน ตรุษจีน จะได้ กินเป็ด กินไก่ เป็ด กับ ไก่ จึงปลุกใจให้รวมตัวกันไปเข้าเฝ้าเทวดาเพื่อจะร้องเรียนว่า มะนุด ใจร้าย ครั้นเมื่อจับกลุ่มกันพอสมควรก็แห่กันไปหา “เจ้าพ่อผู้คุมกฎ”

ท่านมียศที่เรียกว่า “มหาเทปเซฟธรรม” นามเดิม คือ “ยืดหยุ่น” ประทับเป็นประจำอยู่ที่ “ศาลเพียงตังค์” เนื่องจาก “เจ๊เพียงตังค์” เจ้าแม่ตลาดสด เป็นผู้จัดสร้างอาคารศาลถวายให้ “ท่านยืดหยุ่น” เพราะว่าคุ้นเคย

ข้อมูลเหล่านี้ เป็ด กับ ไก่ เขาไม่รู้เรื่อง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมาถึง “ศาลเพียงตังค์” ก็ต้องบอกกล่าวให้ท่านรู้ “มหาเทปเซฟธรรม” ท่านให้เกียรติออกมาต้อนรับแล้วถามว่า “เจ้าเป็ด เจ้าไก่ พวกเจ้ามีปัญหาอะไรกันรึ!” 

เป็ด กับ ไก่ ช่วยกันแจ้งความว่า “พวกเราทั้งหลาย ไม่ได้รับความเสมอภาค ถึงวันตรุษจีนทีไรพวกเราจะตายโดยเขาจับไปฆ่าเอามาปรุงดิบปรุงสุก เพื่อเอาพวกเรามาจัดใส่ถาดถวายบูชา ผู้สูงศักดิ์ทุกเส้นสาย ถ้าท่านช่วยพวกเราให้รอดตายได้ เราจะถวายไข่ให้ท่านเอาไปโด้ปกัน ทุกวั๊น ทุกวัน” 

ประเด็นแบบนี้ “มหาเทปเซฟธรรม” ไม่เคยมีใครมาร้องเรียน ท่านจึงถามข้อเท็จจริงว่า “เขาเอาพวกเจ้าไปฆ่าทำอะไรกันเยอะแยะอื้อซ่าถึงเพียงนั้น!” 

ไก่ เล่าซะเต็มเหยียดว่า “เขาเอาพวกเราไปทำเป็น ไก่ต้ม เป็ดตุ๋น น้ำเปล่า หรือว่า น้ำซุป น้ำตาลทราย น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เมล็ดพริกไทยสด พริกชี้ฟ้า ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด คั่วให้ 
หอมเล็กน้อย ใส่ไก่ต้มสับชิ้นใหญ่ลงไป…” 

ไก่ เมาท์ยังไม่ทันจบ “มหาเทปเซฟธรรม” ฟังเพลินจึงเผลอพูดด้วยความจริงใจว่า “ฉันว่า มันน่าจะอร่อยไม่น้อยเลยนะเนี่ย” เป็ด กับ ไก่ ชะงักคาหน้าแท่น เป็ด กระซิบบอกให้ไก่ทำใจว่า “ถ้าพวกเราอร่อยตามที่ มหาเทปเซฟธรรม ท่านว่า เราคงจะไม่รอด ท่านคงจะยืดหยุ่นมากกว่าจะห้ามปราม เราเซ้าซี้อีกเขาจะหาเรากวนโอ๊ย พวกเรา ก้าบ ก้าบ ก้าบ กลับกันเถอะนะ กั้บ กั้บ กั้บ…..” (ฮา)

ผมเคยนำเอา “คติพจน์” ว่าด้วย “กฎกรรมสิทธิ์แบบหมาๆ” นำมาฝากไว้ให้เอาไปขบคิดไปหนหนึ่งแล้ว ผมปิ๊ง ถ้อยคำ กับ เนื้อหา ไม่มีเหตุผลใดที่จะเอาใจออกหากตีจาก “สำนวนกวนโอ๊ยระดับดุษฎีโคตรบัณฑิต!”

ถ้าข้าเห็นก่อน, มันก็เป็นของข้า

ถ้าข้าชอบ, มันก็เป็นของข้า
    
ถ้ามันดูเหมือนๆ กับของๆ ข้า, มันก็เป็นของข้า

    
ถ้าเอ็งเล่นมันอยู่แล้ววางลง, มันก็เป็นของข้าโดยอัตโนมัติ
    
ถ้าข้าแย่งเอามาจากเอ็งได้, มันก็เป็นของข้า

ถ้าข้าคาบบางส่วนมันขึ้นมาแล้ว, ทั้งหมดมันก็เป็นของข้า

ถ้ามันเข้าปากข้าแล้ว, มันก็เป็นของข้า
 
ถ้าข้าตัวใหญ่กว่าเอ็ง, มันก็เป็นของข้า

ถ้าข้ามีพวกหนุนหลัง, มันก็เป็นของข้า
    
ถ้ามันเป็นของข้า, มันไม่มีวันที่จะโผล่ไปเป็นของเอ็ง

ถ้ามันแตกหักบุบสลาย, มันก็เป็นของเอ็ง

ปล. ผมว่า เราน่าจะเอามาประกาศเป็น “คำขวัญวันเฒ่า”  เอาไปแจกเพื่อช่วยกันใคร่ครวญให้ทั่วทั้งแผ่นดิน

ลองอ่านอีกฟากหนึ่งดูสิ แล้วเราจะรู้สึกว่า การออกอาการ กวนโอ๊ย มันก็มีหนักเบาอยู่เหมือนกัน อะไรที่มันเบาก็อย่าไปเติมให้มันหนักเป็นอันว่าใช้ได้

ลูกค้าสอบถามข้อมูลไดเรกทอรีโดยมีลีลาแถมระดับกาละแมเล็กน้อย

ผู้โทร : ผมขอเบอร์ร้าน Argo Fish Bar หน่อยครับ

พนักงาน : ขออภัยค่ะ ไม่มีรายการค่ะ คุณแน่ใจนะคะว่าสะกดถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ

ผู้โทร : เมื่อก่อนนี้ชื่อ Bargo Fish Bar แต่ตอนนี้ตัวอักษร “B” หายไปแล้ว  (ฮา)

ผู้โทรบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวเขาสอบถามเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายขณะเดินทางในยุโรป เป็นการถามกันแบบทีเล่นทีจริงโดยไม่หวังผลตอบแทน  เพราะเกรงว่าจะเจอ  ผลตบ  แทน

“ถ้าผมจดทะเบียนรถของผมที่ฝรั่งเศส หากว่าผมนำรถกลับมาอังกฤษ ผมจะต้องเปลี่ยนพวงมาลัยถอดไปใส่อีกด้านหนึ่งของรถหรือเปล่าครับเนี่ย!” (ฮา)

อีกกรณีหนึ่ง ทหารเรือวัยหนุ่มเล่าให้เพื่อนพ้องน้องพี่ฟังว่า ตอนที่ผมอยู่ในกองทัพเรือ ผมทำงานให้กับศูนย์สื่อสารมวลชนตลอด 24 ชั่วโมง ที่ ฐานทัพอากาศนาวีนอร์ทไอส์แลนด์ ใน ซานดิเอโก ใครเคยแวะไปดูก็รู้จักฐานทัพนั้นว่าพื้นที่นั้นสะอาดเอี่ยม มีเพื่อนบ้านอาศัยอยู่ในบ้านราคาหลายล้านดอลลาร์ริมทะเล วันดีคืนเด่น ก็

มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาบ่นเรื่องเสียงดังของเครื่องบินประมาณสองทุ่มครึ่ง 

เธอถามมาว่า “คุณสามารถจะสั่งให้เครื่องบินขึ้นบินตอนกลางวันได้ไหม!” โชคดีที่ทหารหนุ่มเขาไม่โต้ตอบ ถ้าเรานึกสนุกก็ถามย้อนกลับไปมั่งว่า “หลังสามทุ่มไปแล้ว คุณสามารถจะบอกแฟนได้ไหมว่าอย่าส่งเสียงซี๊ดซ๊าดกันได้หรือเปล่า!” เราไม่ต้องนึกอะไรเลยว่ามันจะมีอะไรมาเข้าฝันเราหรือเปล่า (ฮา)