เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 3

15 พ.ย. 2568 | 00:00 น.

เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 3 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4149 หน้า 6

KEY

POINTS

  • นำเสนอแทคติกการสื่อสารแบบ "กวนโอ๊ย" หรือการใช้ตลกร้ายผ่านเกร็ดเรื่องราวต่างๆ ทั้งในแวดวงการเมืองและเรื่องส่วนตัว
  • ยกตัวอย่างการใช้คำคมและโวหารเพื่อชิงไหวพริบและสร้างความได้เปรียบ เช่น กรณีหาเสียงของ "ทองดี" ที่ใช้คำว่า "ทองดีต้องไม่ย้อย"
  • สรุปให้ข้อคิดว่าการใช้ลีลา "กวนโอ๊ย" ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รู้จักกาลเทศะ และประเมินสถานการณ์ของตนเองเทียบกับคู่กรณีก่อนเสมอ

ขอประทานอนุญาตกราบเท้าชี้แนะ ท่านผู้ทรงเกียรติทุกรุ่น ลุ้นกันแบบขวานผ่าซากว่า โปรดดูเงาของเราสักนิดก่อนที่จะคิดเล่น ตลกร้าย คะเนให้แน่ใจว่า เรา มีฐาน มีเกราะ มีเครือข่าย มีแบ็คอัพ มีตังค์ มีทนาย มีบารมี มีสติปัญญา เหนือกว่าคู่กรณี มีโหราจารย์ มีรถถังล้อมบ้าน 8 ทิศ มีโดรนสอดแนม มีบุญ ตลอดทั้ง มีการสต๊อกเส้นทางธรรมชาติเผื่อไว้ (ฮา)

กระแส “ตลกร้าย” คงต้องยกให้ กูรูการเมือง เพื่อความสบายใจเห็นทีควรจะเอี้ยวไปหยิบมุกเมื่อ 50 ปี เอามาเล่านำร่อง เพราะว่า เจ้าของวาทกรรม ท่านขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องวิตกไปขึ้นโรงขึ้นศาล (ฮา)

เมื่อครั้งกระนู้นมี (ว่าที่) ส.ส. สองท่าน คือ คุณทองดี กับ คุณทองย้อย เขาชิงคะแนนหาเสียงในพื้นที่เดียวกัน จนกระทั่งถึงวันท้ายสุด คุณทองดี มีชั้นเชิงในการไฮด์ปาร์คด้วยการเลือก เวลา 17.30 น. เพราะว่ามันเป็นเวลาที่ฝ่ายตรงกันข้ามไม่มีโอกาสที่จะแก้เกม คุณทองดี ลงมือพูดกรอกหูให้ชาวบ้านเก็บความทรงจำไปบอกต่อ

ลูกเล่นของ คุณทองดี เขามี ทีเด็ด แบบว่า ขอเด็ดสักที ด้วยการพูดส่งท้ายเกทับว่า “พ่อแม่พี่น้องลูกๆ หลานๆ จำให้แม่นนะ +ร้านขายทอง+ คล้ายกับ +คูหา+ ในทำนองเดียวกัน + (ว่าที่) ส.ส.+ ก็คล้ายกับ +ทอง+ อุตส่าห์คิดจะซื้อทองกับเขาทั้งที เราจะต้องรู้ว่าถ้าทองดีจริงมันจะต้องไม่ย้อย! ถ้าทองมันย้อยแสดงว่าทองไม่ดี! เชี่อผมเถอะครับ บอกเล่าต่อๆ กันไปเลย ทองดี..ไม่ย้อย ทองย้อย..ไม่ดี”  

ในแง่มุมกลับกัน ถ้าหากเราโดนกรีดเครดิตด้วยมุก หมาหยอกไก่ แล้วแพ้คะแนนเพราะเล่นกันแบบนี้ สังคมในช่วงนี้มีแต่เรื่องกวนอกกวนใจ จะไปไหนมาไหนอย่าลืมพกพระเครื่องไว้บ้างก็ดี บรรยากาศในวันเวลานี้ “อย่าโยน โอ๊ยร้อน! ให้เขารำคญ” 

ผมเองก็โดนเพื่อนล้อเลียนเรื่อง “สัดส่วนเสมือนสูง” เป็นว่าเล่น เรียนจบแยกย้ายกันไปแล้ว มันยังไม่วายโทรมาเยี่ยมเยียนแล้วถามเหมือนเดิมตามอัธยาศัยว่า “เอ็งก็ยังคง สัดส่วนเสมือนสูง เหมือนเดิมใช่ไหมวะ!” ผมทนมานานจนกระทั่งตบะหมดอายุ (ฮา) ตัดสินใจบอกกันตรงๆว่า “เลิกทัก สัดส่วนเสมือนสูง จะดีมาก!”

หลายเดือนผ่านไปก็เจอกันอีกที มันก็บอกผมด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจว่า “เฮ้ย! กูเปลี่ยนสโลแกนมึงแล้วนะเว้ย เลิกใช้ สัดส่วนเสมือนสูง กูตั้งให้มึงใหม่ว่า เตี้ยตลอดศก โอ.เค. ไหมล่ะ!” (ฮา) 

หลายปีผ่านมาผมก็ตัดพ้ออีกครั้งว่า “เอ็งเลิกใช้สโลแกน เตี้ยตลอดศก จะได้ไหมเนี่ย” เขารับปากไปตามยถากรรม หลังจากนั้นไม่นานก็โทรมาบอกว่า “เปลี่ยนให้แล้วนะ” คุยไปคุยมาก็บอกชื่อสโลแกนว่า “ยังสูงเท่าเดิม!” (ฮา) ในที่สุดก็ยุติ ถ้อยคำภาษาจีน คือ “กวน” Guān แปลว่า “เชื่อมต่อ” หรือ “ก่อกวน” รู้นัยแล้วจะเลือกคำไหนล่ะ!

นักชิม รับบทเป็นผู้ชำนาญการ แบกรับการวัดผลว่า รสชาติอาหารที่เตรียมไว้ในห้องครัวระดับพิเศษ ในฐานะเป็นนักทดสอบเพื่อประมวลข้อเสนอแนะ และวัดผลอันเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ชะตาของ นักชิม เขาจะมีวาสนาตรงที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร คาดว่า เขาคงจะห่วงใยรอบเอวพอๆ กับการชิม เพื่อรอ “เชื่อมต่อ” (ฮา)

นักวิจารณ์ คือ ผู้ชำนาญการในด้านโภชนาการ มีความเสี่ยงสูง เพราะเขาจะลงไปลุยพื้นที่ร้านอาหาร ด้วยการปลอมตัวเป็น ลูกค้าอาภัพ หวังจะชิมอาหารและเขียนความคิดเห็นส่วนตัวลงในรีวิว ต้องจ่ายค่าอาหารเอาเองกันตาม “ธรรมเนียม” หน้าที่นี้คิดจะ “ทำเหนียม” เชื่อว่าน่าจะโดนทัวร์ลง เพื่อรอ “เชื่อมต่อ” (ฮา)

ทุกถ้อยคำที่นำมาปรารภไม่ได้มุ่งเน้น “มุกคาเฟ่” แต่เพียงอย่างเดียว เปิดมุกปลุกหมอง มี “จุดหมาย” ที่จะขอพึ่งพาผู้อ่านให้ช่วยกันสร้างสรรค์ “ผงชูรักษ์” ด้วยการร่วมมือยึดหลัก “พิจารณามหาพิจารณา!”  ซึ่งเป็นคำสอน ของ “อริยกูรู : หลวงพ่อโต” ก่อนจะลงมือ เราก็ควรจะลง “อุโบสด”

ผมขอแย่งซีนแป๊บนึง “อุ” ย่อจาก “อนันต์” (ภาษาบาลี) แปลว่า “มากล้น”กับ “โบ” (ภาษาอังกฤษ) แปลว่า “กริยาท่าทางในการโค้งคำนับ” และ “สด” (ภาษาบาลี) แปลว่า “มีความสุข” รวมความหมายก็จะได้ความกระจ่างว่า “อุโบสด” คือ “ตั้งสติงดก่อกวนหวนจิตมาคำนับหรือสวัสดีมีมิตรเป็นเครือข่ายอันจะนำพาซึ่งความสุขมาสู่”
 

รำพึงถึง “อุโบสด” ก็นึกถึงถ้อยคำปราศรัยครั้งที่สองของประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน เป็นคำปราศรัย ที่ “สั้นที่สุด” ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่กลับได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้พูดแบบด้นสด และ ถ้อยคำนำร่องก็เปิดจิตสะกิดใจ ความหมายก็สูงส่ง ผู้คนส่วนใหญ่ยกย่องกันตรึมว่า จอร์จ วอชิงตัน คือ บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ข้อความคำสาบานล้วนเป็นสิริมงคล คำสาบานของท่าน คือ “ขอพระเจ้าช่วยข้าด้วย!” (ฮา)

คำคมของท่าน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 40 โรนัลด์ เรแกน อ่านแล้วก็ฮือฮาซี๊ดซ๊าดกันทั้งแว่นแคว้น “การเมืองที่ผมทำอยู่เป็นอาชีพอันดับสอง ผมเพิ่งจะตระหนักวันนี้ว่ามันมีความคล้ายคลึงกับอาชีพแรกมาก”

ผมขออนุญาต บดคำคม เพื่อช่วยบรรเทาให้สมองรู้ได้ง่าย คล้ายๆ กับ การบดปลาหมึกแห้ง ให้เคี้ยวง่ายอีกนิด จำต้องตีความให้เข้าใจง่ายอีกหน่อย ท่าน โรนัลด์ เรแกน เทียบเคียงให้สังคมเห็นภาพว่า อาชีพเป็นนักแสดงเป็นการแอ๊คชั่นไปตามบทที่กำหนดไว้ คนดูหนังคงจะรู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องราวที่ปรากฏบนจอ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ฉันใดก็ฉันนั้น แอ๊คชั่นของนักการเมืองทั่วโลก เชื่อได้ก็ดี เชื่อไม่ได้ก็มี เจอในจอก็ตบหน้า เจอในสภาก็ตบตา

อย่างไรก็ตาม ผมว่าดารา โอ.เค.กว่ามั้ง ช่วงถ่ายทำไม่มีใครหลับจริงในจอ ต่างกับในสภาที่หลับจริงเห็นๆ (ฮา)

เล่าเรื่องเหล่านี้ก้คิดถึง หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช อดีต ส.ส. คนสนิท เล่าให้ผมฟังว่า ท่านสงสัยก็เลยถามท่านด้วยความอยากรู้ว่า “ผมแปลกใจว่าพรรคเชิญท่านเป็นที่ปรึกษา แต่เวลาท่านเข้าประชุมพรรค ทำไมท่านไม่พูดอะไรเลย” ท่านบอกผมว่า “เอ็งจำไว้นะ เขาให้เราเป็นที่ปรึกษา ถ้าเขาไม่ถาม อย่าเสือก!” (ฮา) 

สรุปด้วยความเคารพว่า กรณีเช่นนี้ให้มองข้ามลีลากวนโอ๊ย ท่านชี้ให้รู้ว่า เราจงถ่อมตน ดูกาละเทศะ สังคมจะไม่หมั่นไส้ ยกเว้น ถ้าหากงานนั้น เราเป็นเจ้าภาพ เราเหนือทุกด้านกว่าใคร เราคุ้นเคยกันสุดๆ กวนกี่โอ๊ยก็ฮา
 

คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4149 หน้า 6