เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 4

21 พ.ย. 2568 | 23:10 น.

เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 4 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง  โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4151 

ถ้าผมเป็นคนออกข้อสอบ ผมจะตั้งคำถาม อัตนัย คือ แสดงความคิดเห็น คล้ายกับ เรียงความ หรือ บทความ 

เหตุผลที่ออกข้อสอบแบบ อัตนัย เพราะว่าอยากจะประเมินเพื่อเช็คกระแสว่า วัยรุ่นผู้ชาญฉลาดในยุคนี้มีทัศนคติทางการเมืองในแง่มุมเชิงวัฒนธรรมกันกี่มากน้อย อย่างเช่น “ประเทศที่ตะวันไม่เคยตกดิน” เขาก็เคยโดดเด่นมานานว่าคนของเขาเป็นบุคคลที่มีมารยาท 

ครั้นเมื่อโลกเปลี่ยนกระแสกันชุลมุน ลูกหลานผู้ดีก็เริ่มออกลายกลางสนาม ฟุต(ตะลุม)บอล แต่ก็ยังดีที่รุ่นท่านผู้มีอายุยืน เขายังคงเก็บฟอร์มเอาไว้ใช้ได้ ต่างกับ “ประเทศที่ไม่เคยรักษาวาจาสัตย์” สัปดาห์นั้นบอกว่า ปิดด่านล้านปีไปเลย สัปดาห์นี้โวยวายว่าทำไมไม่เปิดด่าน หน้าตาก็บอกยี่ห้อว่า เป็นแมนแต่หัวใจไม่มีแกนง่อนแง่นเหมือนกับเมียงอนผัว (ฮา)

ขอจุดธูปอัญเชิญมุกล่าสุดอีกทีว่า อดีต ส.ส.คนสนิท ถามท่าน หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช ตรงไปตรงมาว่า “ผมแปลกใจว่าพรรคเชิญท่านเป็นที่ปรึกษา แต่เวลาท่านเข้าประชุมพรรค ทำไมท่านไม่พูดอะไรเลย” ท่านบอกผมว่า “เอ็งจำไว้นะ เขาให้เราเป็นที่ปรึกษา ถ้าเขาไม่ถาม อย่าเสือก!”

เสียดายที่ท่านอำลาสู่สรวงสวรรค์ไปแล้ว ไม่งั้นจะขอแรงให้ท่านช่วยเดินทางตระเวนประเทศนิสัยไฮเปอร์ เพื่อแวะกระซิบให้เขารู้จักอะไรต่อมิอะไรว่า ถ้าประเทศไทย ไม่ถาม หรือ ไม่ประสงค์ ก็ กรุณาอย่าเผือก (ฮา)

คนที่คิดอะไรไม่ออกคือ คนโง่

คนที่ไม่ยอมคิดอะไรคือ คนดื้อ

คนที่ไม่กล้าจะคิดอะไรคือ ทาส

ข้อความทั้งสามบรรทัดนี้เป็น คำสอนทุกครัวเรือนของ “ประเทศที่ตะวันไม่เคยตกดิน” มันเป็น หมุดผู้ดีที่เขาขอให้ทุกครอบครัวช่วยกันตอก ไม่ให้คนทุกรุ่นหลุดออกไปจากวัฒนธรรมอันดี คนส่วนใหญ่เขาจึงยังเอาอยู่ จะมีอยู่บ้างก็ไม่หนักหนาสักกี่มากน้อย 

เขาก็มีมุกแซวกันเองใช้ได้เหมือนกันนะ ขำขันมุกคัดย่อล้อเลียนว่า วันนี้ฉันเห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งบนรถไฟใต้ดิน เขาทำผมทรงโมฮอว์ก ย้อมเหลือง เขียว แดง เขาเห็นฉันจ้องมองเขา แล้วซักถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ ว่า “มองอะไรอยู่” ฉันตอบว่า “ขอโทษนะ แต่ตอนฉันอายุเท่าเธอ ฉันเคยมีเซ็กส์กับนกแก้ว ฉันคิดว่าเธอคงจะเป็นลูกชายฉันแน่นอนเลย” (ฮา)

                        เทคติคลุกเคล้าเขย่ายุคกวนโอ๊ย ฉากที่ 4

เรื่องทำนองนี้ผมไม่ค่อยจะว่าใคร เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่า เพื่อนมันก็แซวผมเหมือนกันว่า “ไอ้วงศ์ คนอื่นเขามีครอบครัวกันหมดแล้ว ทำไมมึงยังไม่มีเมียวะ” ผมอยากจะบอกมันเหมือนกันว่า “กูไม่ได้บ้าเสรีภาพแต่กูก็ชอบอิสรภาพเว้ย จะอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อเอ็งถามมาข้าก็จะสารภาพ มีคนเขาแหย่ถามอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่า ทำไมยังไม่มีเมีย กูก็กะเอาไว้แล้ว ถ้าปีนี้ยังหาเมียไม่ได้ ปีหน้าจะเปลี่ยนใจออกตามล่าหาผัวสักคน” (ฮา)

เพื่อนเคยชวนคุยว่า แฟน เป็น สินทรัพย์ หรือว่า หนี้สิน สหายสายซ้ำเติมได้ทีก็แซวแถมอีกว่า “สินทรัพย์” เป็นสิ่งของที่กิจการสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต เป็นสิ่งที่สามารถวัดมูลค่าได้ มันต่างกับ “หนี้สิน” ภาระที่เกิดขึ้นจากการก่อกิจกรรมใดๆ ในอดีตเพื่อการดำเนินกิจการ จะต้องจ่ายสินทรัพย์ เพื่อจะปลดภาระผูกพันในอนาคต สามารถวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือและกึ่งเชื่อแต่ว่าไม่ได้ถือ (ฮา)

ชายคนหนึ่งเสียชีวิตและได้ขึ้นสวรรค์ นักบุญปีเตอร์ กล่าวกับเขาว่า “ก่อนที่เจ้าจะมาพบพระเจ้า ข้าควรจะบอกเจ้าว่า เราได้ตรวจสอบชีวิตของเจ้าแล้ว และพูดกันตามตรงนะ เจ้าไม่ได้ทำอะไรที่ดีหรือแย่เป็นพิเศษเลย เราไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี เจ้าช่วยบอกอะไรเราหน่อยได้ไหมว่า เจ้าเคยทำอะไรลงไปบ้างที่จะช่วยเราตัดสินใจได้บ้าง” 

วิญญาณผู้มาใหม่ ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ข้าเคยทำอยู่ครั้งหนึ่ง ข้ากำลังขับรถไปและพบกับหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งกำลังถูกกลุ่มอันธพาลรังควาน ข้าจึงจอดรถและเดินไปหาหัวหน้ากลุ่มอันธพาล เขาเป็นชายร่างใหญ่กำยำล่ำสัน มีแหวนเจาะอยู่ที่ริมฝีปาก ข้าจึงดึงแหวนออกจากริมฝีปากของเขา และบอกเขาว่า พวกเอ็งจงหยุดรบกวนผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่!” 

นักบุญปีเตอร์ แปลงกายเป็น ท่านเลขาของท่านยมบาล ลูบปากแล้วหันมายิ้มพร้อมกับรำพึงว่า “ว้าว น่าทึ่งมาก เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” วิญญาณผู้มาใหม่ มัวแต่ก้มหน้าคิดหาคำตอบจึงไม่ทันจะได้ดูว่า ปากของเลขาของท่านยมบาล มีรอยเจาะรูโบ๋อยู่หนึ่งรู เขาก็ตอบแบบชิวๆว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ไม่น้อยกว่าสามนาทีที่แล้ว เสียดายที่ไม่ได้เอาแหวนพกติดตัวมาด้วย” (ฮา)

ขอจุดธูปอีกดอกหนึ่ง วันแรกที่ผมเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ ผมนอนบ้านเช่าในซอย วัดยี่ส่าย วัดนี้ดีไม่มีปัญหา แต่ทว่า คนบางคนในซอยนี่ เมื่อสมัยโน้นเฮ้วใช้ได้ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ผมเช่าอยู่ห้องที่สอง ช่างกลอยู่กันห้องที่แปด เขาจะมาชุมนุมกันทุกวันเสาร์ช่วงค่ำ 

หลังจากซดกันจนอารมณ์ครึ้มอกครึ้มใจ ก็เริ่มร้องเพลงแต่งเองตามใจชอบ ขออภัยเทพยดาทุกพระองค์ ผมไม่ได้แต่งเพลงนี้นะขอรับ ผมแค่เผลอแจมกับเขานิดหนึ่งเท่านั้นเอง ประมาณสามทุ่มเพลงนี้เริ่มกระหึ่ง
เทวดา หน้าอินทร์ หน้าพรหม จะโศก จะตรม ช่างแม่มันปะไร ตัวกูไม่ใช่ตัวใคร ตายแล้วเกิดใหม่ มันเรื่องของกู (ฮา)

ผมได้ยินทุกสัปดาห์จนจำได้ก็เลยร้องตามเขาไปหน้าตาเฉย เขาส่งตัวแทนจาก ห้องที่แปด มาเคาะประตูบ้านผม ห้องที่สอง ผมออกมาพบเขา เขาถามผมว่า“ มึงร้องเพลงนี้ทำไม ล้อเลียนพวกกูเหรอ” ผมใจหายวาบ สารภาพแทบไม่ทัน รีบอธิบายว่า “เปล่าครับ ผมเห็นว่าเพลงมันสนุกดีก็เลยร้องมั่ง” คุยกันเข้าใจเขาก็ไม่เอาเรื่อง

ซีนนี้สอนให้รู้ว่า “ถามกันก่อนที่จะแทงน่าคบหาสมาคมมากกว่าบางประเทศที่มันแทงโดยไม่ถาม”

คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4151