ภาพลักษณ์ด้านพฤติกรรมของนกกระจอกเมืองนอก ไม่ต่างไปจากเมืองเราสักเท่าไหร่ “ไม่ได้ทำมาหากิน” ส่วนใหญ่ก็จะ “หากินที่เขาทำมา” (ฮา) นักส่องนกต่างประเทศเขาบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ที่ใดในพื้นผิวโลก นกกระจอกมักจะมาเยี่ยมสวนของคุณเสมอ” ผมเชื่อว่ามีอยู่ถิ่นหนึ่งที่นกกระจอกเขาจะไม่แวะชม ถิ่นนั้น คือ ทุ่งสังหรณ์นอนล้านศพ (ฮา)
นกกระจอกไทยในอดีต ตลาดอยู่ตรงไหนนกกระจอกจะอยู่ตรงนั้น เสียงดัง จิ๊บจั๊บ จ๊อบแจ๊บ เหมือนเถียงกับคอลเซ็นเตอร์ (ฮา)
พฤติกรรมเอกลักษณ์ของนกกระจอกเมืองนอกนิยม “การอาบฝุ่น” เขาจะข่วนหลุมบนพื้นดินด้วยเท้า ปักหลักลงบนพื้น แล้วใช้ปีกสะบัดฝุ่นใส่ตัว สงสัยว่าคงจะแอบไปเลียนแบบมาจาก นักขุดหลุมฝังระเบิด! (ฮา)
เล่านำร่องเอาไว้คร่าวๆ จะได้เข้าใจว่าทำไมไม่ค่อยจะมีใครเลี้ยง นกกระจอก ถ้าจะเลี้ยงก็เลือก นกกระจอกโลกเก่า เขาว่ากันว่า นกกระจอก GEN Baby Boomers มีเสน่ห์กว่า นกกระจอก GEN Z “นก” กับ “นุด” เหมือนกันตรงที่ไม่ว่าจะมีดีติดตัวสักกี่อย่าง ถ้ามี จุดอ่อน แทรกซึมปะปนอยู่ ย่อมมีโอกาสที่จะโดนเบรค ต้องกลับไปพัฒนา “จุดอ่อนต้องไม่มี” และ “จุดดีต้องโดดเด่น” เหตุที่ควรจะ มีดี ไม่มีเสีย เพราะว่า จะได้ไม่กลายเป็นเหยื่อของ “มะนุดสายพันธุ์ปรสิด” (แคว่ก แคว่ก แคว่ก)
ยกนี้ต้องขอทบทวนกันเป็นพิเศษกว่าที่เคยคอมเมนต์ เนื่องจากการใช้คำว่า “กระจอก” ส่วนใหญ่ใช้เป็น “ถ้อยครำ!” เพื่อจะ “ด้อยค่า” แชวกันไป แขวะกันมา เนื้อหาไม่มีจุดสร้างสรรค์ “ถ้อย” คือ “คำพูด” “ครำ” คือ “น้ำเสีย” มีใครสักกี่คนที่ชอบฟัง “คำพูดที่มีรสชาติน้ำเน่า ” สนใจฉายาน้ำเน่ายุคโบราณกันไหม อย่างเช่น “ไอ้เครื่องย่น” หมายถึง “คนขี้หก” หรือ “ไอ้ชาวนาภาคบ่าย” คือ “ตื่นสายไถนาไม่ทัน” และ “ไอ้ลูกหมีแม่เลีย” ได้แก่ “ทำตัวเป็นเด็กให้แม่ช่วยสวมถุงเท้า”
สรุปว่า สายโลก ใช้คำว่า “กระจอก” เพียงเพื่อจะเหยียบย่ำ ในขณะเดียวกัน พระพุทธเจ้า ทรงใช้คำว่า “กระจอก” โดยทรงประสงค์มุ่งชี้ จุดอ่อน ให้พระสาวกกลับไปแก้ไขและพัฒนา ถ้าไม่แก้ไขไม่พัฒนาก็จะไม่ได้ชื่อว่าเป็น พระอริยสงฆ์ หรือ พระอรหันต์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราจักแสดง ม้ากระจอก 3 ประเภท คนกระจอก 3 ประเภท และ ม้าดี 3 ประเภท คนดี 3 ประเภท ม้าอาชาไนยตัวเจริญ 3 ประเภท และ บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ 3 ประเภท คัดแยกแตกต่าง
กำหนดได้ว่า หนึ่ง ม้ากระจอก ในโลกนี้ บางตัวมีฝีเท้าดี สีไม่ดี ใช้ขับขี่ไม่ได้ สอง บางตัวมีฝีเท้าดี สีดี แต่ใช้ขับขี่ไม่ได้ สาม บางตัวมีฝีเท้าดี สีดี ทั้งใช้ขับขี่ได้
คนกระจอก ในโลกนี้ หนึ่ง บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ดี ไม่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ใช้ไม่ได้ สอง บางคน สมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ แต่ใช้ไม่ได้ และ สาม บางคนสมบูรณ์ด้วยเชาวน์ สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และ ใช้ได้
ผมคัดย่อว่า “กระจอก” ที่ พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ เป็นเพียง “กระจอกไร้พิษ” หรือ “กระจอกเร่งผล” ทรงพระปรีชาในการคัด “คำจำกัดความ” มากระตุ้นให้ขยันเรียนรู้เพื่อปลุกทักษะให้ลุกขึ้นรับผิดชอบหน้าที่ภาคปฏิบัติ ชี้แนะ และ กระตุ้น ว่า ถ้ารู้แค่นี้ก็เอาไม่อยู่ ถึงแม้จะรู้เกินครู แต่ยังไม่ถ่องแท้จึงไม่เกิดประโยชน์
อีหรอบเดียวกับ นกกระจอก รู้ว่าสวนผลไม้อยู่ตรงไหน แต่ไม่รู้ว่าจะบินเข้าไปช่วงไหนถึงจะไม่โดนยิง แสดงว่า “ฝึกฝนไม่ครบสูตร!” เข้าข่าย “ฝนตกแดดออกนกกระจอกตาลาย” การเตือนด้วยสำนวนจึงไม่ใช่ดูหมิ่น!
บุรุษอาชาไนยผู้เจริญในโลกนี้ ซึ่งสมบูรณ์แล้วด้วยเชาวน์ สมบูรณ์แล้วด้วยคุณสมบัติ อีกทั้ง กระทำให้ชัดแจ้งใน เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหา อาสวะ มิได้ “อาสวะ” คือ กิเลสที่หมักดองอยู่ในจิตใจ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว และ ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตใจเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ
อย่างเช่น ความติดใจในกาม ความติดใจในภพ ความติดในความเห็น และ ความไม่รู้จริง ในเมื่อ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันดียิ่งของเขาเอง ย่อมกล่าวได้ว่า เป็นเชาวน์ของเขา เมื่อมีใครถามปัญหา ในอภิธรรม ในอภิวินัย เขาก็ตอบได้ แก้ข้อสงสัยได้ พิสูจน์ได้ว่า ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้
กรณีนี้ชี้ว่า เป็นคุณสมบัติของเขา และ เขาได้ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ กับ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ผลปรากฏดั่งว่า สามารถบอกกล่าวได้ว่า เป็นการใช้ได้ของเขา เขาก็ผ่านการทดสอบ
กฎระเบียบของวิญญาณที่อยู่ในวัด เป็น มุกสายคาเฟ่ ถ้าเป็นไอเดียลูกวัดก็พอได้ ถ้าเป็นเจ้าอาวาสก็หวิวๆ
01. อยู่กันอย่างเป็นระเบียบ (ฮา)
02. ห้ามขึ้นไปนั่งบนหลังคาเมรุ หลังคาศาลา กุฏิพระรวมทั้งโบสถ์ (ฮา)
03. ห้ามถอดหัวออกไปนอกวัด (ฮา)
04. ห้ามรังแกวิญญาณรุ่นน้องที่มาใหม่ (ฮา)
05. ห้ามปรากฏตัวในสภาพที่สยดสยอง (ฮา)
06. ห้ามแกล้งหลอก พระ เณร และ ชาวบ้านที่อยู่ในวัด (ฮา)
07. ห้ามปรากฏตัวในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่สวดอภิธรรม สวดมาติกา บังสุกุล (ฮา)
08. เมื่อฌาปนกิจแล้ว กรุณาไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง (ฮา)
09. ถ้าคิดถึงกัน ก็ขอ 3 ตัว ตรงๆ (ฮา)
10. ถ้าขอ 3 ตัว ไม่ได้ ก็ขอ 2 ตัว ก็แล้วกัน (ฮา)
ติ๊งต่างให้ขนลุกว่า ถ้าพระเถระระดับสมเด็จที่เคร่งขรึม ท่านนั่งรถผ่านมาแลเห็น ข้อที่ 9 กับ ข้อที่ 10 สมมุติว่าผมเป็นเจ้าอาวาส ก็คงระทึกเงียบๆ อยู่ในจิตเหมือนกันว่าจะได้ “เหรียญกระจอก!” ด้วยหรือเปล่า