KEY
POINTS
อย่างที่เกริ่นไปว่า ร้านอาหารและภัตตาคารในกรุงปักกิ่ง หลายแห่ง “ต่อยอด” และ “เพิ่มมูลค่า” ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ครั้งหนึ่ง ผมมีโอกาสแวะไปสัมผัสและประทับใจในบรรยากาศร้าน “กงเยี่ยน” (Gongyan) ที่อยู่ในบริเวณตอนกลางของย่านถนนคนเดิน “เฉียนเหมิน” (Qianmen)
โดยทั่วไป หากเราต้องการชมการแสดงทางวัฒนธรรมในรอบคํ่า เราอาจต้องเร่งรีบรับประทานอาหารเย็น เพื่อไปให้ทันรอบชมการแสดง หรือหากเป็นรูปแบบ “ควบคู่กัน” คนที่นั่งร่วมโต๊ะบางส่วน ก็อาจไม่สะดวกในการหันเก้าอี้ไปชมการแสดง
ผู้บริหารหัวใสจึงออกแบบร้านอาหารให้เป็นรูปทรง “สี่เหลี่ยมผืนผ้า” และจัดสัดส่วนบริเวณแนวยาวตรงกลางเป็น “ทางเข้าออก” และ “พื้นที่การแสดง” โดยให้โต๊ะลูกค้านั่งเป็นแนวยาวสองด้าน และยกพื้นให้โต๊ะลูกค้าในแถวถัดไปสูงขึ้นสไตล์ “สเตเดี้ยม” สนามกีฬา เพื่อไม่ให้บดบังกันและได้ซึมซับบรรยากาศการแสดง ที่มาพร้อมกับแสงสีเสียงสุดอลังการอย่างเต็มอิ่ม
ชุดแต่งกายและชุดการแสดงก็ออกแบบให้เหมาะสมลงตัว ทั้งในแง่การนำเสนอวัฒนธรรมจีนร่วมสมัย สีสันที่สดใส และจังหวะเวลา แม้กระทั่งพนักงานเสิร์ฟก็แต่งกายสอดรับกับชุดการแสดงในแต่ละรอบ และใช้พื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นช่องทางเดินเข้าออกในการเสิร์ฟอาหาร และขนถ้วยชามออกอย่างลงตัวจนผู้ชมไม่รู้สึกว่าถูกรบกวน
ขณะเดียวกัน การตกแต่งร้าน ชุดเครื่องครัว อาหารและเครื่องดื่มก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นจีน ที่ทรงคุณค่าทางโภชนาการ อาหารและเครื่องดื่มถูกจัดเสิร์ฟเป็นคอร์สสลับจังหวะกับการแสดงแต่ละชุดที่สอดแทรก “ลูกเล่น” ไว้ตลอดจนยากจะคาดเดา ทำเอาผม “ลืมกลืน” และหันมา “ปรบมือ” ชื่นชมอยู่หลายครา
อีกหนึ่งความประทับใจของผมอยู่ในตอนท้ายสุด ไม่ใช่ชัดการแสดงนะครับ แต่เกิดขึ้นหลังการแสดงชุดสุดท้ายสิ้นสุดลง เพราะผู้บริหารร้านจัดให้คณะนักแสดง พนักงานเสิร์ฟ คนปรุงอาหาร พนักงานทำความสะอาด และผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังรวมนับร้อยชีวิต ออกมาแสดงความขอบคุณ และถ่ายรูปกับลูกค้า แต่กลายเป็นว่า คนเหล่านั้นกลับได้รับเสียงปรบมือจากลูกค้าอย่างกึกก้อง
ผมยังหวังว่า เสียงปรบมือนั้นจะเป็น “พลังใจ” ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรังสรรค์ “สิ่งดีๆ” เช่นนี้ออกมาอีกในอนาคต แต่ขอบอกท่านผู้อ่านที่สนใจจะไปลองรับประทาน “อาหารมื้อคํ่าที่เปี่ยมคุณค่าทางวัฒนธรรม” ก่อนว่า ท่านต้องจองที่นั่งล่วงหน้า และไม่ควรไปสายกว่ากำหนด มิฉะนั้นแล้วสายตานัยร้อยคู่จะจับต้องมาที่ท่านอย่างแน่นอน เพราะทางเข้าออกเป็นพื้นที่การแสดงอยู่ด้วยอย่างที่บอก
ความประทับใจในการร้อยเรียงชุดการแสดงและอาหารเข้ากันอย่างลงตัว ทำให้เวลาราว 2 ชั่วโมงในร้านอาหารแห่งนั้น เปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง ผมสังเกตใบหน้าของลูกค้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แม้ขณะลงลิฟท์ ลูกค้าล้วนพูดชื่นชมใน “ประสบการณ์อันยอดเยี่ยม” ในคํ่าคืนนั้น
ขณะเดียวกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดค้าปลีกของปักกิ่งก็ให้ความสำคัญกับการอัพเกรด และเปิดร้านใหม่เป็นจำนวนมากผ่านแนวคิด “ร้านแรก” (First Store) ในเมือง การปัดฝุ่นแบรนด์เก่าแก่ และการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความสร้างสรรค์ ก็ทำให้ผมสังเกตเห็นแบรนด์ดั้งเดิมและแบรนด์ใหม่ ที่น่าสนใจมากมายถูกนำเสนอในท้องตลาด
บางแบรนด์อาศัยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และรูปแบบดั้งเดิมของคนท้องถิ่น ขณะที่หลายแบรนด์ใหม่วางตำแหน่งทางการตลาดจากการออกแบบที่ดี บนพื้นฐานของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เมื่อผนวกกับการฟื้นฟูเมืองและการพัฒนาเชิงพาณิชย์แบบบูรณาการ รวมทั้งแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” ที่ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มสินค้า อาทิ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว และ ยานยนต์ ก็ทำให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ ซุปเปอร์มาร์เก็ตนับร้อยแห่ง อาทิ New World, Wumart และ Yonghui ก็เต็มไปด้วยส่วนลด และของแถมพิเศษมากมาย เหล่านี้ทำให้ระบบนิเวศของการช้อปปิ้งในปักกิ่ง ดูคึกคักและมีสีสันยิ่ง
นอกจากนี้ ปักกิ่ง ยัง “ขยัน” และ “ทุ่มเท” ทรัพยากรอย่างกำลังเพื่อเสริมสร้างกิจกรรมพิเศษแบบบูรณาการ ที่มอบประสบการณ์การเดินทาง การจับจ่ายใช้สอย และความบันเทิงแบบครบวงจร
โดยสร้างระบบกิจกรรม “1+12+17+N” ที่เชื่อมโยง 12 แนวคิดหลักของปักกิ่ง อันได้แก่ พรอันประเสริฐ ของขวัญฤดูใบไม้ผลิ แฟชั่น การแสดงเปิดตัว การชมดอกไม้ งานแสดงทางวัฒนธรรม การเดินเล่นปล่อยอารมณ์ รสชาติ กิจกรรมวันหยุดฤดูร้อน กิจกรรมกีฬา เก๋ไก๋ในฤดูใบไม้ร่วง และกิจกรรมนํ้าแข็งและหิมะ
ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปักกิ่ง ก็ร่วมกันสร้าง 17 งานระดับพรีเมี่ยม อาทิ งานแสดงสินค้าวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวนานาชาติ และเทศกาลกีฬาเพื่อส่งเสริมการบริโภคอย่างไม่สิ้นสุด (N) ที่ครอบคลุมการค้า วัฒนธรรม การท่องเที่ยว กีฬา และสาขาอื่นอีกมากมาย
การสร้างระบบกิจกรรม “1+12+17+N” เชิงบูรณาการของปักกิ่งในปี 2025 นำไปสู่กิจกรรมสุดพิเศษที่เป็นรูปธรรมมากมาย จนผมเองยังอดฉุกถามไม่ได้ว่า ปักกิ่งจะไม่ยอมหยุดบ้างเลยหรือ?
ในช่วงที่ผ่านมา คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่มีโอกาสอิ่มเอมกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม อาทิ เทศกาลศิลปะโคมไฟนํ้าแข็งหลงชิง (Longqing) ที่ทำให้อดนึกถึงเมืองนํ้าแข็งที่ฮาร์บินไม่ได้ และงาน China International Fashion Week and Beijing Fashion Week ที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนห้างสรรพสินค้าในย่านธุรกิจหลักในการเปิดตัวสินค้าแฟชั่นในฤดูกาลใหม่
และเทศกาลพิเศษมากมายที่ผสมผสานการท่องเที่ยวเข้ากับด้านการเกษตร การบริโภค และอื่นๆ เข้าด้วยกัน เช่น เทศกาลดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิปี 2025 เทศกาลสตรอเบอรี่ฉางผิง (Changping) ที่ผู้คนนิยมแห่แหนไปเด็ดสตรอเบอรี่สดกัน
รวมทั้งงานศิลปะสมัยใหม่ “798 Art Science and Technology Biennale” ณ 798 Art District “ชีจิ่วปา” ที่รีฐบาลปักกิ่งเปลี่ยนโรงงานอุตสาหกรรมเก่า เป็นย่านศิลปะที่ดูเก๋ไก๋ ภายใต้ความพยายามในการยกระดับสู่อุตสาหกรรมการผลิตลํ้าสมัยและภาคบริการ รวมทั้งการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศ
ในด้านกีฬา ปักกิ่งก็ยังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬามากมาย อาทิ ISU World Short Track Speed Skating Championships และ Beijing Cross Country Skiing Open รวมทั้งการแล่นเรือใบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
การบริโภคของปักกิ่ง ยังกระจายตัวสู่ชานเมืองในวงกว้าง กล่าวคือ พื้นที่ต่างๆ ในปักกิ่งยังจัดกิจกรรมระดับพรีเมี่ยมอื่น อาทิ ฤดูกาลการบริโภคเฟิงไถ (Fengtai) ในบริเวณชานเมืองด้านใต้ แถววงแหวนรอบที่ 6 ของกรุงปักกิ่ง และ เทศกาลการบริโภคสือจิ่งซานจิ่งซี (Shijingshan Jingxi) ซึ่งอยู่ด้านซีกตะวันตกของตัวเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสนุกสือจิ่งซานที่ขึ้นชื่อ
มองออกไปในภาพที่ใหญ่กว่า นอกจากความเป็นเมืองหลวง ความหลากหลายขององค์กรภาครัฐและเอกชน จำนวนประชากรท้องถิ่นที่มีกำลังซื้อสูง และจุดแข็งอื่นของปักกิ่ง รวมทั้งการพัฒนากลุ่มเมืองที่ครอบคลุมหลายหัวเมืองในย่านปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย “จิงจินจี้” บริเสณพื้นที่แถบ “คอไก่” ของจีนแล้ว ปักกิ่งยังมีผู้แทนภาครัฐและเอกชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งจีน และต่างชาติไปเยือนเป็นจำนวนมาก
เฉพาะในช่วงครึ่งหลังของไตรมาสที่ 1/2025 รัฐบาลจีนยังเตรียมจัดงาน “เดือนส่งเสริมการบริโภคปี 2025 และฤดูกาลการบริโภคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย” ที่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษเกือบ 1,000 รายการ ภายใต้แนวคิดหลัก “ปักกิ่งที่มีสีสัน การบริโภคที่ยอดเยี่ยม” เพื่อกระตุ้นความมีชีวิตชีวาของตลาดอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
ยิ่งไปกว่านั้น การดำเนินกิจกรรมดังกล่าว ยังเย้ายวนใจนักท่องเที่ยวต่างแดนให้เดินทางไปใช้เวลา และจับจ่ายใช้สอยในปักกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามแผนพัฒนา 5 ปีที่ต้องการยกระดับให้ปักกิ่งเป็น “ศูนย์กลางแห่งการบริโภคนานาชาติ” (International Consumption Hub) ก็ยิ่งเพิ่มมิติด้านการบริโภคให้กับปักกิ่ง (ไว้มีโอกาสผมจะเจาะลึกเรื่องนี้มาพูดคุยกับทุกท่านอีกครั้ง)
ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงขนาดเปรียบเปรยว่า ปักกิ่งได้ยกระดับเป็น “จุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการช้อปปิ้งที่หรูหรา” ในยุคปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกับโตเกียว นิวยอร์ก ลอนดอน และเซี่ยงไฮ้
พูดถึงตรงนี้ ผมขอตอบคำถามของท่านผู้อ่านในประเด็นความแตกต่างของปักกิ่ง และ เซี่ยงไฮ้ ในบางส่วนแบบเร็วๆ สักหน่อย
ในส่วนของปักกิ่ง ขนาดเมืองที่ใหญ่ทำให้การเดินทางไปในแต่ละจุดใช้เวลานาน ขณะที่ถนนหนทางที่กว้างใหญ่ และสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน ก็ทำให้อาคารบ้านเมืองดู “ขลังและอลังการ” สมกับเป็นเมืองหลวง แต่บางคนอาจรู้สึกว่า “เทอะทะและเวิ้งว้าง”
คนไทยส่วนใหญ่ดูจะชื่นชอบนครเซี่ยงไฮ้ มากกว่า ในเชิงเปรียบเทียบ อาคารสูงที่กระจุกตัวในย่านลู่เจียจุ่ย เขตผู่ตง (ด้านซีกตะวันออกของแม่นํ้าหวงผู่) ทำให้เซี่ยงไฮ้ดูทันสมัย และมีสีสันตระการตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามคํ่าคืน
ขณะที่ฝั่งผู่ซี (ด้านซีกตะวันตกของแม่นํ้าหวงผู่) ที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “ฝั่งเก่า” ก็เต็มไปด้วยอาคารที่มีสไตล์ ร้านรวงขนาดเล็กที่ไก๋ไก๋ มุมสวยๆ และอื่นๆ ทำให้ผู้ไปเยือนรู้สึก “อบอุ่น” และอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ นิยมไปช้อปที่เซี่ยงไฮ้มากกว่าปักกิ่ง เรียกว่า “ไปแล้วไปอีก” แทนที่จะเป็น “ไปสักครั้งเป็นพอ”
เราไปเจาะลึกการท่องเที่ยวในช่วงปิดเทอมกันต่อในตอนหน้าครับ ...
คอลัมน์มังกรกระพือปีก : โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568