KEY
POINTS
หลังจากเคยประจำการที่กรุงปักกิ่ง อยู่ 4 ปี ช่วง 2011-2015 และมีโอกาสมาเยือนเป็นระยะตลอดหลายปีหลัง แต่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ศกนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการปิดเทอมฤดูร้อน ผมมีภารกิจต้องเดินทางไปเยือนมหานครแห่งนี้อยู่หลายครั้ง เลยมีโอกาสเก็บตก “สภาพตลาด” ในกรุงปักกิ่งแบบอินไซด์มาแชร์กับท่านผู้อ่านกันครับ ...
ก่อนอื่น ผมขอ “ฉายภาพ” ให้ท่านผู้อ่านรู้จักปักกิ่งสักหน่อย ปัจจุบัน กรุงปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของจีน มีประชากรในเขตเมืองมากกว่า 22 ล้านคน ปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจราว 4.5 ล้านล้านหยวน (กว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) คิดเป็นราว 3.5% ของจีดีพีโดยรวมของจีน และติด 10 เมืองที่มีขนาดจีดีพีใหญ่สุดในโลก ขณะที่คนปักกิ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวราว 220,000 หยวนต่อปี หรือราว 1 ล้านบาทต่อปี
ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าว ปักกิ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าของไทยทั้งประเทศเล็กน้อย และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าของคนไทยเกือบ 4 เท่าตัว
ในเชิงสาขาเศรษฐกิจ น่าทึ่งมากที่ราว 80% ของเศรษฐกิจกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน กระจุกตัวอยู่ในภาคบริการ ไม่เพียงแต่เป็น “ศูนย์กลางแห่งอำนาจ” แต่ปักกิ่งยังขึ้นชื่อว่าเป็น “แหล่งรวมสำนักงานใหญ่” ขององค์กรภาครัฐและเอกชนในจีน
ขณะที่ภาคการผลิตมีสัดส่วนไม่ถึง 20% ของทั้งหมด และในความพยายามในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจึงเห็นปักกิ่งปิดโรงงาน และลดกำลังการผลิตในหลายอุตสาหกรรมดั้งเดิมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เหล็ก และ ถ่านหิน และ ภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนระดับเลขตัวเดียวเท่านั้น
คำถามสำคัญก็คือ อุตสาหกรรมอะไรบ้างที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในภาคบริการดังกล่าว
ปักกิ่งมีอุตสาหกรรมการเงิน เทคโนโลยีและนวัตกรรม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมทั้งการท่องเที่ยวเป็นแกนหลักทางเศรษฐกิจของปักกิ่ง
โดยในภาคการเงิน กรุงปักกิ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสถาบันการเงิน ไล่ตั้งแต่แบงค์ชาติจีน (PBOC) คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (CSRC) คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารและประกันภัยแห่งประเทศจีน (CBIRC) และ Beijing Stock Exchange (BSE) ตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs ที่จัดตั้งขึ้นในยุคหลังโควิด รวมทั้งธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ อาทิ ICBC และ Bank of China และสำนักงานใหญ่ของราว 60% ของกิจการรายใหญ่ 100 อันดับแรกในจีน
ในด้านเทคโนโลยี ปักกิ่ง มี “จงกวนชุน” (Zhongguanchun) นิคมไฮเทคแห่งแรกของจีน ที่มุ่งเน้นไบโอเทค ปัญญาประดิษฐ์ และ บิ๊กดาต้า และหุ่นยนต์ลํ้าสมัยในยุคหลัง และเต็มไปด้วยกิจการบิ๊กเทคจำนวนมาก อาทิ Baidu, Bytedance, CD.com และกิจการสตาร์ตอัพกว่า 10,000 ราย
ในการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ปักกิ่งจัดตั้งกลุ่มธุรกิจจงกวนชุน (Zhongguancun Group) ขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นเวที “การแสดง” นอกจาก Z-Park ที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมไฮเทคแล้ว กลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังลงทุนในหลายนิคมอุตสาหกรรม อาทิ การเกษตรอัจฉริยะ นิยายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction) และ ยังออกไปลงทุนนอกปักกิ่ง อาทิ เทียนจิน และ เหอเป่ย
ในด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ปี ปักกิ่งจึงเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ อาทิ พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) หอฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) กำแพงเมืองจีน (Great Wall) และ หย่งเหอกง (Yong He Gong) หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อวัดลามะ (Lama Temple) ที่มีคำบอกเล่าว่ามีพระพุทธรูปที่แกะสลักจากต้นไม้ต้นเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
รวมทั้งฮู่ท่ง (Hutong) ซอยโบราณสไลต์ปักกิ่ง หวังฝูจิ่ง (Wangfujing) ถนนช้อปปิ้งชื่อดังใจกลางเมือง และหลิวลี่ชาง (Liulichang) ถนนวัฒนธรรมที่เป็นศูนย์รวมร้านจำหน่ายพู่กันจีน แท่นหมึก และกระดาษโบราณ
สำหรับกลุ่มวัยรุ่นก็อาจนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวยุคใหม่อย่าง ซานหลี่ถุน (Sanlitun) “สยามสแควร์แห่งกรุงปักกิ่ง” สวนสนุกสือจิ่งซาน (Shijingshan Amusement Park) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) ป็อบ แลนด์ (Pop Land) และแหล่งบันเทิงอื่น
นอกจากนี้ ท่านยังอาจเคยไปเดินชมเขตศิลปะชีจิ่วปา (798 Art District) สนามรังนก (Bird’s Nest Stadium) สนามกีฬาที่ปักกิ่ง ใช้โอกาสเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เมื่อปี 2008 และสถาปัตยกรรมของอาคารสูงมากมายในใจกลางเมือง รวมทั้งสถาบันการศึกษาจำนวนมาก ที่ผลิตบุคลากรและศิลปินชั้นนำของจีน รวมไปถึงงิ้วปักกิ่ง กายกรรม
เหล่านี้ทำให้ปักกิ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์สำหรับนักท่องเที่ยว นอกจาก “คนปักกิ่ง” ที่อยู่ประจำกว่า 20 ล้านคนแล้ว ปักกิ่งยังมีนักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่อีกราว 370 ล้านคน-ครั้งต่อปี หรือกว่า 16 เท่าของประชากรท้องถิ่น ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกจึงต้องตระเตรียมรองรับ “ผู้มาเยือน” ตามไปด้วย
หลายคนที่ใช้ชีวิตอยู่ประจำ หรือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเองก็อาจรู้สึกว่า บริการขนส่งสาธารณะของปักกิ่งมีประสิทธิภาพ ราคาถูก และครอบคลุมทั่วถึง ทำให้การเดินทางภายในเมือง เต็มไปด้วยความสะดวก แถมบ้านเมืองก็มีระดับความปลอดภัยสูง จนบางครั้งเราแอบบ่นว่า “จะตรวจเข้มไปถึงไหนกันเนี่ย”
มหานครแห่งนี้มีอาหารขึ้นชื่ออยู่หลายจาน แต่ที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น “เป็ดปักกิ่ง” ที่อาจเรียกได้ว่า เป็นอาหารประจำเมือง ผมเองก็มักมีโอกาสลองลิ้มชิมรส “เป็ดปักกิ่ง” อันขึ้นชื่อแทบทุกครั้งที่ไปเยือน เลยไม่รู้ว่ากินเป็ดไปเป็นตัวที่เท่าไหร่แล้ว
ด้วยอุปสงค์จากภายในและต่างประเทศจำนวนมหาศาล ก็ทำให้อาหารและบริการเป็นธุรกิจใหญ่ ร้านอาหาร และ ภัตตาคารได้รับการตกแต่งอย่างหลากหลายตามคอนเซ็ปต์ของประเภทอาหาร และกลุ่มเป้าหมาย ว่าง่ายๆ ขอให้มีเงินจ่ายก็มีให้เลือกจนละลานตา
แต่ในยุคหลัง ก็มีร้านอาหารบางแห่งที่ผสมผสานการแสดงทางวัฒนธรรมของจีนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แต่ผมขอยกยอดไปคุยกันต่อตอนหน้านะครับ ...
คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,123 วันที่ 17 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568