KEY
POINTS
เราไปคุยกันต่อเลยครับ ...
นอกจากการพัฒนาในด้านความเร็ว จีนยังพยายามพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีสีเขียว อาทิ รถไฟประหยัดพลังงาน ระบบการจัดส่งอัจฉริยะ และ สถานีพลังงานแสงอาทิตย์
นั่นหมายความว่า รถไฟความเร็วสูงของจีนกำลังสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูง ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนความสามัคคีในระดับชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเปิดประตูของโอกาสทางธุรกิจใหม่ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมการคมนาคม เศรษฐกิจ และ การพัฒนาภูมิภาคในอนาคต
ท่อนหนึ่งของคำกล่าวในพิธีเปิดงานการประชุมรถไฟความเร็วสูงโลกของ ดร.อลัน เบอรูด์ (Alan Beroud) ประธาน UIC (ตัวย่อของสหภาพรถไฟนานาชาติ) ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า “จีนเป็นผู้นำระดับโลกและเป็นแรงบันดาลใจ … รถไฟความเร็วสูงกำลังเป็นมากกว่าเพียงแค่การขนส่งที่รวดเร็ว แต่มันยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการเชื่อมต่อทั่วโลก”
ผู้คนในวงการต่างคาดการณ์ว่า โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของจีนจะกระจายตัวจากด้านซีกตะวันออกไปตอนกลาง และ ตะวันตก มากขึ้นโดยลำดับ และมีระยะทางยาวเกิน 50,000 กิโลเมตร ภายในสิ้นปี 2025 และคาดว่าจะทะยานแตะหลัก 70,000 กิโลเมตร ภายในปี 2035 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า
ด้วยปัจจัยเชิงบวกด้านเศรษฐกิจ สังคม และ เทคโนโลยี โครงข่ายดังกล่าวคาดว่าจะขยายออกไปในต่างประเทศอีกมากในอนาคต ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่า การเปิดกว้างของจีนในการแบ่งปันเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญจะสามารถช่วยเร่งการพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม
อูลัน คูลอฟ (Ulan Kulov) รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรถไฟจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน (China-Kyrgyzstan-Uzbekistan Co.) ที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าที่เชื่อมจีนกับพื้นที่ในเอเซียกลาง กล่าวไว้ว่า “ประสบการณ์ของจีนเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชุมชนรถไฟโลก”
อีกหนึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงที่น่าสนใจยิ่ง อยู่ในรูปแบบของรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ ที่เรานิยมเรียกกันในชื่อย่อว่า “แม็กเลฟ” (Maglev)
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2001 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ทุ่มทุนซื้อเทคโนโลยี “แม็กเลฟ” ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ลอยตัวบนซุปเปอร์คอนดักเตอร์ จากซีเมนส์ (Siemens) กลุ่มบริษัทด้านพลังงานและสุขภาพรายใหญ่ของเยอรมนี และร่วมมือกับซีเมนส์ในการออกแบบและก่อสร้างแบบลอยฟ้า 2 ช่องทางคู่ขนานกัน
แม็กเลฟเส้นทางแรกระหว่างสนามบินผู่ตง-สถานีถนนหลงหยาง (ในเขตผู่ตง) ระยะทางเพียง 30.5 เมตร เปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2004 ด้วยความเร็ว 430 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทุกวันนี้ รถไฟเส้นทางนี้ก็ยังเปิดให้บริการเป็นปกติ ท่านผู้อ่านอยากไปสัมผัสสามารถแวะเวียนไปใช้บริการได้
ในเวลาต่อมา จีนกำลัง “ต่อยอด” การพัฒนารถไฟแม่เหล็กไฟฟ้าในหลายมิติ ในเชิงภูมิศาสตร์ จีนวางแผนขยายโครงข่าย “แม็กเลฟ” ดังกล่าวในคู่เมืองอื่น อาทิ ปักกิ่ง-สวงอัน เมืองอัจฉริยะ “ต้นแบบ” ในฝันของผู้นำจีน
ในด้านความเร็ว จีนได้พัฒนา “แม็กเลฟ” มาตรฐานแดนมังกรที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงที่จีนเผชิญกับวิกฤติโควิด
จากการเปิดเผยของวิศวกรอาวุโสของ CRRC Changchun Railway Vehicles Co., Ltd. ระบุว่า โครงการนี้กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดย “ต้นแบบ” ทางวิศวกรรมชิ้นแรกเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ในการทดสอบระบบ การยกตัว (22 ซม. เหนือราง) มีความเสถียรตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตร
แม็กเลฟเจนใหม่นี้ มีโครงสร้างที่เพรียวบาง ผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ ความแข็งแรงสูงและวัสดุผสมคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งช่วยลดแรงต้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายฝ่ายประเมินว่า เมื่อแม็กเลฟเจนใหม่นี้เปิดให้บริการในเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเส้นทางแรก ก็จะลดเวลาในการเดินทางระหว่าง 2 มหานคร เหลือเพียง 2.5-3 ชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อเทียบกับการบินระหว่างปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ที่ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงแล้ว การใช้บริการแม็กเลฟก็ดูจะมีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาเข้าออกเมือง-สนามบิน และรอขึ้นเครื่องแล้ว ผู้โดยสารยังไม่ต้องเสี่ยงกับการดีเลย์ของเครื่องบิน สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ และนั่งพูดคุยหารือกับญาติ และเพื่อนร่วมงานได้ตลอดการเดินทาง
ขณะเดียวกัน ระบบลดแรงสั่นสะเทือนรองรับทั้งการเคลื่อนที่ด้วยล้อที่ระดับความเร็วต่ำ และการลอยตัวด้วยแม่เหล็กที่ระดับความเร็วสูง ระบบนี้ได้รับการออกแบบให้ตรงตามมาตรฐานขั้นสูงสำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยผสานการสื่อสารระบบ 5G ระบบตรวจสอบด้วยปัญญาประดิษฐ์ การตรวจจับเสียง และ การป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่ใช้บริการ
แม็กเลฟรุ่นดังกล่าวจึงมีเป้าหมายที่จะ “เติมเต็ม” ช่องว่างระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบิน มอบทางเลือกการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กระแสข่าวระบุว่า แม็กเลฟสัญชาติจีนจะเปิดให้บริการได้ใน 1-2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ เมื่อกลางปี 2024 จีนก็ยังสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งด้วยการเปิดตัว “แม็กเลฟในท่อ” ที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วในระดับเดียวกับเครื่องบินพาณิชย์เลยทีเดียว
“แม็กเลฟในท่อ” นี้มีแนวคิดพื้นฐานคล้าย “ไฮเปอร์ลูป” (Hyperloop) ที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เคยกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยมี China Aerospace Science and Industry Corporation (CASIC) รัฐวิสาหกิจด้านอวกาศของจีนเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาโครงการ
ในแผนงานการพัฒนา แม็กเลฟแห่งโลกอนาคตนี้ คาดว่าจะก่อสร้างระหว่างเซี่ยงไฮ้-หังโจว เป็นเส้นทางแรก โดยจะมีอุโมงค์ระยะทาง 150 กิโลเมตรรวมอยู่ด้วย แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่อยากไป “ทดลองนั่ง” อาจต้องอดใจรอหน่อย เพราะกระแสข่าวระบุว่า โครงการนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการแก่สาธารณชนในราวปี 2035 ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาระยะกลางของจีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถไฟความเร็วสูง และ แม็กเลฟ ได้พิสูจน์ว่า เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และเสริมสร้างภาพลักษณ์ในความทันสมัยด้านเทคโนโลยีการขนส่งของจีน ยิ่งเวลาเดินทางไปสถานีรถไฟที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนแล้ว ผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า จีนจะเป็นเช่นไรหากไม่มีรถไฟความเร็วสูง
เพราะดูเหมือนรถไฟความเร็วสูง และอาจรวมถึงรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า กำลังจะกลายเป็น “ปัจจัยที่ 5” ที่คนจีนขาดไม่ได้เสียแล้ว ฟิ้วววววว ...
คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4117