รถไฟความเร็วสูง... ปัจจัยที่ 5 ที่คนจีนขาดไม่ได้ (จบ)

29 ก.ค. 2568 | 00:00 น.

รถไฟความเร็วสูง... ปัจจัยที่ 5 ที่คนจีนขาดไม่ได้ (จบ) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4117

KEY

POINTS

  • จีนตั้งเป้าขยายโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงให้มีระยะทางเกิน 50,000 กิโลเมตร ภายในปี 2025 และ 70,000 กิโลเมตร ภายในปี 2035 เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำ
  • จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า (Maglev) อย่างก้าวกระโดด โดยมีต้นแบบที่วิ่งได้เร็วถึง 600 กม./ชม. และมีแผนสร้าง "แม็กเลฟในท่อ" ที่ความเร็ว 1,000 กม./ชม. ในอนาคต
  • รถไฟความเร็วสูงเป็นมากกว่าระบบขนส่ง แต่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ เป็นเครื่องมือในการแบ่งปันเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญสู่ระดับนานาชาติ

เราไปคุยกันต่อเลยครับ ...

นอกจากการพัฒนาในด้านความเร็ว จีนยังพยายามพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีสีเขียว อาทิ รถไฟประหยัดพลังงาน ระบบการจัดส่งอัจฉริยะ และ สถานีพลังงานแสงอาทิตย์ 

นั่นหมายความว่า รถไฟความเร็วสูงของจีนกำลังสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูง ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนความสามัคคีในระดับชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเปิดประตูของโอกาสทางธุรกิจใหม่ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมการคมนาคม เศรษฐกิจ และ การพัฒนาภูมิภาคในอนาคต

ท่อนหนึ่งของคำกล่าวในพิธีเปิดงานการประชุมรถไฟความเร็วสูงโลกของ ดร.อลัน เบอรูด์ (Alan Beroud) ประธาน UIC (ตัวย่อของสหภาพรถไฟนานาชาติ) ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า “จีนเป็นผู้นำระดับโลกและเป็นแรงบันดาลใจ … รถไฟความเร็วสูงกำลังเป็นมากกว่าเพียงแค่การขนส่งที่รวดเร็ว แต่มันยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการเชื่อมต่อทั่วโลก” 

ผู้คนในวงการต่างคาดการณ์ว่า โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของจีนจะกระจายตัวจากด้านซีกตะวันออกไปตอนกลาง และ ตะวันตก มากขึ้นโดยลำดับ และมีระยะทางยาวเกิน 50,000 กิโลเมตร ภายในสิ้นปี 2025 และคาดว่าจะทะยานแตะหลัก 70,000 กิโลเมตร ภายในปี 2035 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า 

 

ด้วยปัจจัยเชิงบวกด้านเศรษฐกิจ สังคม และ เทคโนโลยี โครงข่ายดังกล่าวคาดว่าจะขยายออกไปในต่างประเทศอีกมากในอนาคต ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่า การเปิดกว้างของจีนในการแบ่งปันเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญจะสามารถช่วยเร่งการพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม 

อูลัน คูลอฟ (Ulan Kulov) รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรถไฟจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน (China-Kyrgyzstan-Uzbekistan Co.) ที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าที่เชื่อมจีนกับพื้นที่ในเอเซียกลาง กล่าวไว้ว่า “ประสบการณ์ของจีนเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชุมชนรถไฟโลก” 

อีกหนึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงที่น่าสนใจยิ่ง อยู่ในรูปแบบของรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ ที่เรานิยมเรียกกันในชื่อย่อว่า “แม็กเลฟ” (Maglev) 

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2001 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ทุ่มทุนซื้อเทคโนโลยี “แม็กเลฟ” ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ลอยตัวบนซุปเปอร์คอนดักเตอร์ จากซีเมนส์ (Siemens) กลุ่มบริษัทด้านพลังงานและสุขภาพรายใหญ่ของเยอรมนี และร่วมมือกับซีเมนส์ในการออกแบบและก่อสร้างแบบลอยฟ้า 2 ช่องทางคู่ขนานกัน

แม็กเลฟเส้นทางแรกระหว่างสนามบินผู่ตง-สถานีถนนหลงหยาง (ในเขตผู่ตง) ระยะทางเพียง 30.5 เมตร เปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2004 ด้วยความเร็ว 430 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทุกวันนี้ รถไฟเส้นทางนี้ก็ยังเปิดให้บริการเป็นปกติ ท่านผู้อ่านอยากไปสัมผัสสามารถแวะเวียนไปใช้บริการได้

ในเวลาต่อมา จีนกำลัง “ต่อยอด” การพัฒนารถไฟแม่เหล็กไฟฟ้าในหลายมิติ ในเชิงภูมิศาสตร์ จีนวางแผนขยายโครงข่าย “แม็กเลฟ” ดังกล่าวในคู่เมืองอื่น อาทิ ปักกิ่ง-สวงอัน เมืองอัจฉริยะ “ต้นแบบ” ในฝันของผู้นำจีน 

ในด้านความเร็ว จีนได้พัฒนา “แม็กเลฟ” มาตรฐานแดนมังกรที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงที่จีนเผชิญกับวิกฤติโควิด
จากการเปิดเผยของวิศวกรอาวุโสของ CRRC Changchun Railway Vehicles Co., Ltd. ระบุว่า โครงการนี้กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดย “ต้นแบบ” ทางวิศวกรรมชิ้นแรกเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ในการทดสอบระบบ การยกตัว (22 ซม. เหนือราง) มีความเสถียรตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตร 

แม็กเลฟเจนใหม่นี้ มีโครงสร้างที่เพรียวบาง ผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ ความแข็งแรงสูงและวัสดุผสมคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งช่วยลดแรงต้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายฝ่ายประเมินว่า เมื่อแม็กเลฟเจนใหม่นี้เปิดให้บริการในเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเส้นทางแรก ก็จะลดเวลาในการเดินทางระหว่าง 2 มหานคร เหลือเพียง 2.5-3 ชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อเทียบกับการบินระหว่างปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ที่ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงแล้ว การใช้บริการแม็กเลฟก็ดูจะมีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาเข้าออกเมือง-สนามบิน และรอขึ้นเครื่องแล้ว ผู้โดยสารยังไม่ต้องเสี่ยงกับการดีเลย์ของเครื่องบิน สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ และนั่งพูดคุยหารือกับญาติ และเพื่อนร่วมงานได้ตลอดการเดินทาง

                              รถไฟความเร็วสูง... ปัจจัยที่ 5 ที่คนจีนขาดไม่ได้ (จบ)

ขณะเดียวกัน ระบบลดแรงสั่นสะเทือนรองรับทั้งการเคลื่อนที่ด้วยล้อที่ระดับความเร็วต่ำ และการลอยตัวด้วยแม่เหล็กที่ระดับความเร็วสูง ระบบนี้ได้รับการออกแบบให้ตรงตามมาตรฐานขั้นสูงสำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยผสานการสื่อสารระบบ 5G ระบบตรวจสอบด้วยปัญญาประดิษฐ์ การตรวจจับเสียง และ การป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่ใช้บริการ

แม็กเลฟรุ่นดังกล่าวจึงมีเป้าหมายที่จะ “เติมเต็ม” ช่องว่างระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบิน มอบทางเลือกการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กระแสข่าวระบุว่า แม็กเลฟสัญชาติจีนจะเปิดให้บริการได้ใน 1-2 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ เมื่อกลางปี 2024 จีนก็ยังสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งด้วยการเปิดตัว “แม็กเลฟในท่อ” ที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วในระดับเดียวกับเครื่องบินพาณิชย์เลยทีเดียว

“แม็กเลฟในท่อ” นี้มีแนวคิดพื้นฐานคล้าย “ไฮเปอร์ลูป” (Hyperloop) ที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เคยกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยมี China Aerospace Science and Industry Corporation (CASIC) รัฐวิสาหกิจด้านอวกาศของจีนเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาโครงการ

ในแผนงานการพัฒนา แม็กเลฟแห่งโลกอนาคตนี้ คาดว่าจะก่อสร้างระหว่างเซี่ยงไฮ้-หังโจว เป็นเส้นทางแรก โดยจะมีอุโมงค์ระยะทาง 150 กิโลเมตรรวมอยู่ด้วย แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่อยากไป “ทดลองนั่ง” อาจต้องอดใจรอหน่อย เพราะกระแสข่าวระบุว่า โครงการนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการแก่สาธารณชนในราวปี 2035 ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาระยะกลางของจีน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถไฟความเร็วสูง และ แม็กเลฟ ได้พิสูจน์ว่า เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และเสริมสร้างภาพลักษณ์ในความทันสมัยด้านเทคโนโลยีการขนส่งของจีน ยิ่งเวลาเดินทางไปสถานีรถไฟที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนแล้ว ผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า จีนจะเป็นเช่นไรหากไม่มีรถไฟความเร็วสูง 

เพราะดูเหมือนรถไฟความเร็วสูง และอาจรวมถึงรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า กำลังจะกลายเป็น “ปัจจัยที่ 5” ที่คนจีนขาดไม่ได้เสียแล้ว ฟิ้วววววว ...

คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4117