KEY
POINTS
เมื่อเดือนก่อนมีข่าวใหญ่ในจีน เมื่อผู้ใหญ่จีนท่านหนึ่งขึ้นไปกล่าวในงานใหญ่งานหนึ่งด้วย “แว่นตาอัจฉริยะ” ทำเอาเมืองตันหยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแว่นตา (Optical Capital) กลับมาดังในชั่วข้ามคืน ผมเลยอยากพาท่านผู้อ่านไปรู้จักเมืองนี้กันครับ ...
ในเชิงการปกครอง ตันหยาง (Danyang) มีสถานะเป็นอำเภอขนาดเล็กในเมืองเจิ้นเจียง (Zhenjiang) ในมณฑลเจียงซู สำหรับผมแล้ว ตันหยางดูจะมีชื่อเสียงยิ่งกว่าเจิ้นเจียงเสียอีก ตันหยางมีขนาดในเชิงภูมิศาสตร์ 1,000 ตารางกิโลเมตรเศษ และมีจำนวนประชากรราว 1 ล้านคนในปัจจุบัน
โชคดีที่ตันหยางตั้งอยู่ในทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซู จัดอยู่ในบริเวณ “อกไก่” ของจีน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งรวมของอุตสาหกรรมดิจิตัลชั้นนำ และแหล่งรวมของประชากรมที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดแห่งหนึ่งของจีน
เมื่อมองการเชื่อมโยงกับเมืองใหญ่ข้างเคียง ตันหยางจัดได้ว่าตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวก โดยอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหานครเซี่ยงไฮ้ ท่านผู้อ่านสามารถเดินทางระหว่างเซี่ยงไฮ้-ตันหยาง ด้วยรถไฟความเร็วสูงและรถยนต์ส่วนบุคคลโดยใช้เวลาประมาณ 1.5 และ 2.5 ชั่วโมง ตามลำดับ
ความเป็น “เมืองแห่งแว่นตา” (Optical City) ของ ตันหยาง ก่อตัวนับแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 หรือราว 60 ปีก่อน ในครั้งนั้น กลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีการศึกษา ต่างโยกย้ายถิ่นฐานจากโรงงานผลิตแว่นตาในเซี่ยงไฮ้ และ ซูโจว มาตั้งโรงงานแว่นตาชั่วคราวขึ้นในย่านนี้
ภายหลังการปฏิรูปและการเปิดประเทศของจีนเริ่มต้นขึ้น ในช่วงทศวรรษ 1980 รัฐบาลจีนก็เริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบในการจัดตั้งกิจการเอกชน ส่งผลให้พนักงานด้านเทคนิคและฝ่ายขายจำนวนมากออกมาเปิดกิจการของตนเอง และส่ง “ไม้ต่อ” ธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นในเวลาต่อมา
กิจการเหล่านี้รับออเดอร์ผลิตแว่นตาแบรนด์ดังของโลก โดยมุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ด้านราคา ในยุคนั้น ผู้บริโภคจีนยังให้การยอมรับในคุณภาพของสินค้าจากตันหยางค่อนข้างต่ำ และนิยมเลนส์นำเข้าจากต่างประเทศในระดับที่สูงกว่า ภายหลังการทุ่มเทพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สถานะของตันหยางได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
การมี “จุดจอด” รถไฟความเร็วสูง และ “ทางด่วน” เชื่อมโยงกับเมืองใหญ่ข้างเคียงพาดผ่าน ช่วยให้เกิดความสะดวกในการเดินทางอย่างมาก รวมไปถึงป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในทางเข้าและทางออกทางด่วนของเมือง
หากท่านเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูง เมื่อก้าวออกจากสถานีรถไฟตันหยาง ท่านจะเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “China Danyang Optical City" ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนในทันที ตลาดค้าแว่นตาที่อยู่เบื้องหน้าประกอบไปด้วย ร้านแว่นตาน้อยใหญ่จำนวนหลายร้อยรายเกาะกลุ่มเป็นเวิ้งขนาดใหญ่
“เมื่อถึงจุด ทุกอย่างก็จบ” แค่เดินผ่านหน้าร้านก็รู้สึกว่า แต่ละร้านเย้ายวนจิตใจยิ่ง หากเดินแวะเข้าไปในร้านเมื่อไหร่ ความรู้สึกที่ไม่อยากซื้อ ก็จะพลิกผันและพุ่งพล่านขึ้นมาทันที เพราะแต่ละร้านเต็มไปด้วยกรอบแว่นและเลนส์สายตาหลากหลายรูปแบบ ที่ถูกจัดแสดงอย่างเป็นระเบียบ ดึงดูดผู้บริโภคจากทั่วประเทศในวงกว้าง
โดยรัฐบาลและผู้ประกอบการท้องถิ่นร่วมมือกันพัฒนา “การท่องเที่ยวแว่นตา” เสริมเข้ากับสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมอื่น บริเวณใจกลางเมือง ได้รับการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการค้าที่ทันสมัย ผสมผสานการค้า ร้านอาหาร ที่พัก และ ความบันเทิงเข้าด้วยกัน
เรายังสังเกตเห็นเทศบาลเมืองตันหยาง ทุ่มเทกับการจัดงาน “เทศกาลแว่นตาประจำปี” ควบคู่ไปกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา เพื่อดึงดูดฐานผู้บริโภคให้กว้างขวางขึ้น
นักช้อปในพื้นที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียงมักจะขับรถ หรือ นั่งรถไฟความเร็วสูงไปใช้เวลาในตันหยาง ที่จอดรถได้รับการจัดระเบียบและหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ทำให้เมืองคึกคักอย่างมากในช่วงวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สถิติระบุว่า ในช่วงดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวเข้าในใช้เวลาในเมืองแห่งนี้ราว 200,000-300,000 คนต่อวันเลยทีเดียว
“ตลาดแว่นตา” นับเป็นหนึ่งใน “จุดดึงดูด” สำคัญที่ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงช้อปปิ้งระดับ AAA ระดับชาติ นับแต่ปี 2010 โดยเฉพาะอย่างยิ่งยิ่งเมื่อเศรษฐกิจจีนไม่ได้เติบโตแรงในยุคหลังโควิดที่ผู้บริโภคหันไปใส่ใจกับ “ความคุ้มค่า” มากขึ้น และตามมาด้วยพฤติกรรม “Low Buy, No Buy” ก็ยิ่งทำให้ตันหยาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนอยากไปเยือนมากขึ้น
นอกจากนี้ เทศกาลเมืองตันหยาง ยังพัฒนาเขตใหม่ขนาดกว่า 1 ตารางกิโลเมตรบริเวณรอบเมืองแว่นตา ที่ประกอบด้วย พิพิธภัณฑ์แว่นตา โรงพยาบาลจักษุวิทยา และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น โดยมีเป้าหมายเพื่อบูรณาการการผลิต การดูแลสุขภาพ และวัฒนธรรมเข้าด้วยกันเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและพลวัต โดยอาศัยอุตสาหกรรมแว่นตาเป็นแกนกลาง
ราคาแว่นตาและเงื่อนไขข้อเสนอที่เย้ายวนจิตใจจนยากปฏิเสธด้วยแล้ว ทำให้ผมเข้าใจของคำว่า “เมืองหลวงแห่งแว่นตา” ได้อย่างแท้จริง ผมจำได้ว่า เมื่อตอนที่ผมไปเยือนตันหยางเป็นครั้งแรก เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ก็ไปเรื่องงานและแวะสำรวจตลาด ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อเลย ปรากฏว่า ผมเดินทางกลับเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับแว่นสายตาหลากชนิดและสีสัน รวมถึง 5 คู่ เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่ผมซื้อแว่นตามากขนาดนั้นพร้อมกันในวันเดียว
แว่นสายตาแต่ละคู่ที่สั่งตัด ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที สะท้อนถึงความพร้อมและประสิทธิภาพในการผลิต และให้บริการของแต่ละร้าน หากไม่อยากนั่งจับน้ำนั่งรอ ท่านผู้อ่านอาจเดินแวะเวียนไปดูกรอบแว่นตาและข้อเสนอการขายของร้านข้างเคียงได้อีกด้วย
ตันหยางมิได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่เดินหน้าพัฒนาความสามารถและศักยภาพที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตันหยางนับเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและจัดจำหน่ายแว่นตา ที่สำคัญของจีน
ผมจำได้ว่า คำบอกเล่าของผู้ประกอบการท้องถิ่นในครั้งแรกที่ผมไปเยือนตันหยางระบุว่า “ทุกๆ แว่นตา 3 อัน 1 อันผลิตมาจากตันหยาง” เท่ากับว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้ผลิตเลนส์แว่นตาอย่างน้อย 1 ใน 3 ของการผลิตของโลก
เมื่อเวลาผ่านไป ตันหยางดูจะได้รับการยกย่องว่า มีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมแว่นตาระดับโลก ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเลนส์สายตาของโลก โดยเป็นผู้ผลิตเลนส์สายตา 50% ของโลก และราว 75% ของจีน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งแว่นตา” (Optical Capital) ของโลกในปัจจุบัน
คุยกันต่อตอนหน้าครับว่าตันหยางพัฒนาอุตสาหกรรมแว่นตาสู่เวทีโลกได้อย่างไร ...
คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4141