จีนเร่งขยาย AI ในระบบการศึกษา เตรียมพร้อมก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก (3)

04 ต.ค. 2568 | 00:00 น.

จีนเร่งขยาย AI ในระบบการศึกษา เตรียมพร้อมก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก (3) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ฐานเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • จีนวางแผนยุทธศาสตร์ชาติ 3 ขั้นตอนอย่างชัดเจน โดยตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ของโลกภายในปี 2030
  • มีการผลักดันการศึกษาด้าน AI อย่างเป็นระบบในทุกระดับชั้น ตั้งแต่การเรียนขั้นพื้นฐานในโรงเรียนไปจนถึงการเปิดหลักสูตรเฉพาะทางในมหาวิทยาลัย
  • รัฐบาลส่งเสริมการผนวก AI เข้ากับวิชาหลักดั้งเดิม เช่น ศิลปะและประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจ

อย่างที่คุยทิ้งท้ายไว้ในตอนก่อนว่า AI ก่อประโยชน์ในหลากหลายมิติ ไล่ตั้งแต่การเรียน การสร้างงาน และ ความก้าวหน้าในด้านการดูแลสุขภาพ หุ่นยนต์ และ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และอื่นๆ ในวงกว้าง เราไปดูตัวอย่าง และการเตรียมคนของจีนเพื่อสนับสนุนการคว้าแชมป์โลก AI กันต่อเลยครับ ...

ย้อนกลับไปในปี 2017 คณะรัฐมนตรีจีนได้ร่างแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์โดยกำหนดเป้าหมายออกเป็น 3 ขั้นตอน อันได้แก่ เป้าหมายปี 2020 “รักษาระยะห่าง” จากผู้นำ (ไม่ให้ถ่างกว้างขึ้น) ซึ่งนั่นเท่ากับว่า จีนซึ่งเป็นผู้ตามต้องพัฒนาด้วยความเร็ว ที่เทียบเท่าหรือสูงกว่าของสหรัฐฯ

เป้าหมายปี 2025 “เทียบชั้นผู้นำ” โดยจีนจะพัฒนาด้วยความเร็วที่สูงกว่าสหรัฐฯ และมุ่งหวังที่จะสร้างเทคโนโลยีล้ำสมัยของตนเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราเห็น DeepSeek เปิดตัวเมื่อตรุษจีนที่ผ่านมา และเป้าหมายปี 2030 “ก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลก”

จีนถือเป็น “ต้นแบบ” ของการบริหารบ้านเมืองแบบ “หัวส่าย หางกระดิก” ที่ดี องคาภยพเคลื่อนย้ายไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบและสอดประสาน ดังนั้น เมื่อนโยบายระดับชาติและระดับท้องถิ่น ได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ เราจึงเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ขยับตัว” อย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกัน 
ในการพัฒนาบุคลากรด้าน AI

กระทรวงศึกษาธิการของจีนได้ประกาศจัดหมวดหมู่ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอัจฉริยะ” ให้เป็นสาขาสหวิทยาการชั้น 1 ซึ่งเป็นเสมือนการจัดชั้นให้การศึกษาด้าน AI มีความเป็นสถาบันและได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

จีนกำหนด “พิมพ์เขียว” แนวทางการพัฒนา AI เข้าสู่สถาบันการศึกษาในทุกระดับอย่างเป็นระบบในเวลาต่อมา อาจกล่าวได้ว่า ความก้าวหน้าด้านการศึกษา AI ของจีน จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลพวงมาจากการวางแผนอย่างรอบคอบ และการดำเนินการที่สอดประสานกัน

ในระดับโรงเรียน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนพยายามดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่า นักเรียนทุกคนจะมีโอกาสเรียนรู้ AI ขั้นพื้นฐาน ทำให้ AI ไม่เพียงไม่ใช่ “สิ่งแปลกใหม่” แต่เป็น “เส้นทางแห่งการเรียนรู้” ของนักเรียนจีนในชั่วกระพริบตา 

อย่างไรก็ดี ไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น ในระยะแรก โรงเรียนบางแห่งในจีน ยังคงมุ่งเน้นไปที่การใช้เครื่องมืออย่างจำกัด โดยมีหลักสูตรที่ตื้นเขิน ความเชี่ยวชาญของครูมีความแตกต่างหลากหลาย และวิธีการประเมินเพื่อวัดระดับความรู้ด้าน AI ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ 

โดยที่จีนตระหนักดีว่า นโยบายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม จีนจึงได้กำหนดแนวทาง 3 ระดับ อันได้แก่ นโยบายส่วนกลาง การดำเนินการในระดับท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างกว้างขวาง ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าการศึกษาด้าน AI จะไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดเชิงทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติได้อีกด้วย

ในทางปฏิบัติ จีนได้จัดตั้งกลไกความร่วมมืออย่างบูรณาการระหว่างองค์กรธุรกิจ มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัย ทั้งในด้านการออกแบบหลักสูตร การฝึกอบรมพิเศษด้าน AI และการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ AI 

ขณะที่ตำราเรียนของ iFlytek รัฐวิสาหกิจด้าน AI ในจงกวนชุน (Zhongguanchun) หรือ “Z-Park” ไฮเทคพาร์กแห่งแรกของจีน ด้านซีกตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ที่พัฒนาร่วมกับ Northwest Normal University แห่งนครหลานโจว มณฑลกานซู ก็ถูกนำมาใช้ในโรงเรียน และนักเรียนทั่วประเทศอย่างแพร่หลาย ทำให้โรงเรียนทั่วจีนทั้งในเมืองใหญ่ และเมืองรองสามารถผนวกวิชา AI เข้าไว้ในหลักสูตรการเรียนได้ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ภายใต้นโยบาย AI+ ระบบการศึกษาจีนยังผนวก AI เข้ากับวิชาหลักเดิม เช่น ภาษาจีน ศิลปะ และประวัติศาสตร์ ก่อให้เกิดรูปแบบ “การบูรณาการสาขาวิชาเข้ากับการเสริมพลังเทคโนโลยี" ในหลายโรงเรียน ทำให้หลักสูตรใหม่ปรับเปลี่ยนความสามารถ ในการรับรู้และการแสดงออก เช่นเดียวกับการสอนทักษะทางเทคนิค 

ชั้นเรียนศิลปะได้นำเครื่องมือสร้างภาพ AI มาใช้ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับเครื่องจักรเครื่องมือ หรือการประสานรวม AI เชิงสร้างสรรค์เข้ากับหลักสูตรการเขียน กระตุ้นให้นักเรียนวิพากษ์วิจารณ์ แก้ไข และริเริ่มจินตนาการใหม่เกี่ยวกับข้อความที่ AI สร้างขึ้น 

ในระดับอุดมศึกษา ด้วยการสนับสนุนเชิงนโยบาย ความร่วมมือเชิงบูรณาการ และการปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง สถาบันการศึกษาจำนวนมาก จึงสามารถเร่งเปิดหลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ การผลิตอัจฉริยะ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว 

                                                 จีนเร่งขยาย AI ในระบบการศึกษา เตรียมพร้อมก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก (3)

โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กระทรวงศึกษาธิการจีน ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มระดับชาติอย่าง “แผน 101” ด้าน AI ที่ครอบคลุมมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนถึง 15 แห่ง และยังยืนยันการเปิดหลากหลายหลักสูตร ไล่ตั้งแต่หลักสูตรพื้นฐาน หลักสูตรขั้นสูง และหลักสูตรฝึกอบรมภาคปฏิบัติ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความสามารถที่สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละยุคสมัย

ผมประเมินว่า ปัจจุบัน จีนมีสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดหลักสูตรเหล่านี้นับ 1,000 แห่ง ยกตัวอย่างเช่น ฟู่ตั้น (Fudan) มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มพัฒนาระบบหลักสูตร AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยเปิดตัวหลักสูตร AI-BEST จำนวนถึง 116 หลักสูตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อครอบคลุมเนื้อหาการเรียนรู้แบบหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูง

ขณะเดียวกัน เจียวทง (Jiaotong) มหาวิทยาลัยชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ก็พัฒนาระบบการสอน AI หลายรูปแบบ โดยปรับแต่งหลักสูตรกายวิภาคศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสำรวจเส้นทางใหม่สำหรับ “AI ควบคู่กับแพทย์ศาสตร์”

ขณะที่ชิงหวา (Tsinghua) หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “MIT ของจีน” ก็ “นำร่อง” ขยายหลักสูตรและเพิ่มโควต้านักศึกษาระดับปริญญาตรีมาเป็นระยะ เฉพาะในปี 2025 ก็วางแผนจะเพิ่มโควต้าอีก 150 คน รวมทั้งจัดตั้งสถาบันเพื่อบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้าน AI+ ผ่านการประสาน AI เข้ากับหลากหลายสาขาวิชาเพื่อพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ AI ในวงกว้าง

มหาวิทยาลัยบางแห่งยังเปิดหลักสูตรที่เน้นย้ำถึงนวัตกรรมในรูปแบบบูรณาการ “ปริญญาตรี-โท-เอก” ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการเรียนการสอนได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่หลายแห่งยังบูรณาการการฝึกงาน ความร่วมมือขององค์กร และการแข่งขันเข้ากับรูปแบบการฝึกอบรม 

AI นับว่ามีประโยชน์ในเวทีการแข่งขันที่ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงประยุกต์อีกด้วย อาทิ โอลิมปิกแห่งชาติด้านสารสนเทศศาสตร์ และการประกวดนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชนจีน รวมทั้ง “ฟอรั่มปริญญาโทด้านวิศวกรรม” ซึ่งได้รวมโมดูล AI เข้าไว้ด้วยแล้วในปัจจุบัน 

แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น จีนยังเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายส่วน คุยกันต่อตอนหน้าครับ ...

คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ