สภาขาดความชอบธรรม อยู่ไปทำไม?

08 ก.พ. 2566 | 07:50 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม

*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3860 ประจำวันที่ 9-11 ก.พ.2566 โดย ...กาแฟขม

*** กาปฏิทินไว้เลยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภา ไม่วันที่ 7 มี.ค. ก็ 13 มี.ค. เป็นแม่นมั่น นั่นหมายถึงเลือกตั้งใหญ่จะอยู่ราว วันที่ 30 เม.ย.หรือ 7 พ.ค. ทุกคนทุกพรรค หาเสียง ลงพื้นที่กันพรึ่บพรั่บ เรียกว่าโค้งสุดท้ายกันแล้ว สร้างภาพกันยกใหญ่ ผู้อาสาขอเข้ามาแก้ไข คนที่บริหารมาแล้ว ก็ขอต่ออายุขอบริหารต่อ คนที่เป็นฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นผู้บริหารบ้าง แต่ส่วนใหญ่บริหารเพื่อตนเพื่อกลุ่มตัวเองกันทั้งนั้น ประเทศนี้เป็นอย่างนี้มาหลายปีดีดัก หาเสียงก็บอกทำเพื่อประชาชน สุดท้ายก็เหยียบหัวประชาชน ขัดใจประชาชนกันทั้งนั้น

*** ว่าก็ว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ขาดความชอบธรรมในการทำงานต่อแล้ว เมื่อล่มซ้ำซากทุกวัน 31 ครั้งเข้าไปแล้วของสมัยประชุมสภาฯ นี้ เมื่อไม่ครบองค์ประชุม ทำอะไรไม่ได้ ขับเคลื่อนอะไรไม่ได้ ยุบไปเสียเลยตั้งแต่บัดนี้ ก็ไม่เห็นเป็นไร ทำไมต้องลากและถ่วงกันไปแบบนี้ ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ต้องส่งใบเตือนขาดงานแล้ว ไม่มาไม่ครบ 3 ครั้ง 7 ครั้ง นี่เขาไล่ออกกันแล้ว ส.ส.ก็เช่นกันเขาให้มาประชุมออกกฎหมาย เมื่อไม่ประชุมไม่ออกกฎหมาย ขาด ลา โดยไม่จำเป็น ไปวิ่งหาเสียงกันหรือวิ่งย้ายพรรค หากล้วย ย้ายค่ายกันแบบนี้ ไม่คุ้มเงินเดือนภาษีประชาชนที่ต้องจ่าย ก็ออกไปเสีย เข้าใจนะ !!
 

*** ไปเรื่องการเมือง ไม่พูดถึงคนนี้ไม่ได้เลย ชั่วโมงนี้ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังแยกกันเดินกับ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ดูแล้วมีสง่าราศีขึ้นเยอะ เรียกว่าสปอร์ไตไลท์ฉายจับ ประเมินกันใหม่ตัวเลข ส.ส.ที่ตรึงบ้านใหญ่เอาไว้ได้ เอาดีๆ ตัวเลขวิ่งไปที่ 40 ส.ส. นี่เป็นไปได้ไม่น้อยทีเดียว กลับเป็นพรรคลุงตู่เสียอีก ที่เข็นกันไม่ค่อยไหว ที่บอกตัวเลขเกรียวกราวนั้น ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามนัด เผลอๆ ไม่ถึง 25 ราย เสนอชื่อนายกฯ ไม่ได้ด้วยซ้ำ

*** แต่ที่แรงไม่มีตก แน่นอนพรรคเพื่อไทย ของนายห้างดูไบ ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้การนำของคุณหนูอุ๊งอิ้ง แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทำให้ลิ่วล้อบริวาร คึกคักเป็นอย่างยิ่ง ตัวเลขประเมินกันที่ 200 บวกลบไปแล้ว แต่ก็ต้องดูช่วงปลายอีกที ด้วยความฮึกเหิม ด้วยความเหิมเกริมนี่แหละ จะเป็นภัยย้อนมาเข้าตัวในภายหลัง ที่หวังๆ ไว้อาจวืดได้ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่จะขวางเป็นพรรคราชการ ที่เกรงกลัว และหวั่นวิตกพรรคนี้มีอำนาจจะไล่ฟาดราชการจนเข้ามุมอับ

 

*** พรรคเก่าแก่ที่สุดอย่าง ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกพูดถึงน้อยไปหน่อย และโพลล์หลายสำนัก ก็ไม่ให้ราคาหัวหน้าพรรคขึ้นไปเทียบแคนดิเดตนายกฯ กับคนอื่น คะแนนห่างกันอยู่เยอะมาก ชั่วโมงนี้ต้องประคองตัว ก้มหน้า ก้มตาทำงาน แสดงผลงาน ให้เป็นที่ประจักษ์ อาศัยฐานเสียงเก่า ประคองตัว เจาะเอากันเป็นพื้นที่สู้กันทีละเขต เอากลับมาไม่น้อยกว่าเดิมได้นี่ก็ถือเป็นกำไรแล้ว ว่าที่จริงการทำงานหรือบุคลากรพรรคนี้ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ในแง่โปรไฟล์บุคคล แต่ก็ลุ่มๆ ดอนๆ แบบนี้ ก็คงต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่านอีกระยะ สำคัญสุดแสดงผลงานให้เห็น ตัดสินใจในการทำงานให้เร็ว เฉียบขาดเหมาะสมกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว...