เจ้าหญิงไทย ผู้สร้างมิตรภาพไทย-จีน แน่นแฟ้นมั่นคง

09 ก.พ. 2565 | 07:31 น.

คอลัมน์ ข้าพระบาททาสประชาชน โดย...ประพันธุ์ คูณมี

ท่ามกลางโลกที่กำลังปั่นป่วนด้วยวิกฤติจากโควิด-19 ความวุ่นวายในการแข่งขันทำสงครามทางการค้า ทางเศรษฐกิจ ของโลกตะวันตก-ตะวันออก หรือความขัดแย้งเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอำนาจของโลก และความไม่สงบในทางการเมืองภายในประเทศ ที่ยังหาความสามัคคีปรองดองกันยังไม่ได้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปในทางการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจกัน โดยยังหาข้อยุติอันเป็นฉันทามติของคนในชาติไม่ได้ว่า บ้านเมืองของเราจะก้าวเดินไปในทิศทางใด

 

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกและสังคมไทยดังกล่าว ประเทศไทยของเรายังโชคดี ที่ประเทศของเรายังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหลักยึดอันมั่นคงให้กับแผ่นดินของเรา มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน นับเวลาเป็นหลายร้อยพันปี ทำให้ประเทศไทยได้รอดพ้นจากการตกเป็นประเทศในอาณานิคมของมหาอำนาจ ชาติประเทศรอดพ้นจากความล่มสลายเหมือนประเทศอื่น ๆ ดังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
 

สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่มั่นคงต่อเนื่องยาวนานมาได้จนถึงทุกวันนี้ ได้เป็นเสาหลักค้ำยันประเทศ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของปวงชนชาวไทย และหลอมรวมจิตวิญญาณของคนในชาติไทยได้ ก็เพราะบูรพมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ใส่ใจต่อทุกสุขของราษฎร พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ต่างได้ทรงงานด้วยความตรากตรำเหน็ดเหนื่อย เพื่อความผาสุกของเหล่าพสกนิกรตลอดมา ทั้งยังได้ถ่ายทอด การปฎิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ต่างๆ อันจะยังประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมืองไปยังพระราชบุตรและพระราชธิดาทุกพระองค์อีกด้วย ปวงชนชาวไทยจึงจะได้เห็นเจ้าฟ้า เจ้าหญิง แต่ละพระองค์ ได้ปฎิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆมากมาย ที่เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองของเรา

 

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้ปรากฎข่าวอันเป็นที่ปลื้มปิติแก่ปวงชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่งคือ เมื่อได้มีประกาศจากสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง วันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2565 โดยในการเยือนครั้งนี้ จะทรงเข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่ง ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และพระองค์ยังได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทและถวายพระกระยาหารเช้า ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ณ เรือนรับรองรัฐบาลเตี้ยวหยูไถ อีกด้วย นับว่ารัฐบาลจีนได้ให้การต้อนรับเจ้าหญิงของไทย อย่างสมพระเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
 


 

ข่าวประกาศจากสำนักพระราชวังดังกล่าว ได้สร้างความปลื้มปิติแก่ปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง และเมื่อย้อนดูเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ในการเสด็จเยือนจีนของเจ้าหญิงของไทยจากอดีต นับตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วมกว่า 40 ปี จึงทราบว่าพระองค์เป็นเจ้าหญิงของไทย และเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกในประวัติศาสตร์ ที่เสด็จเยือนจีน จนทรงได้รับพระสมัญญาว่าเป็น "ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน” และพระองค์ทรงได้รับ "เหรียญรางวัลมิตรภาพ" จากรัฐบาลจีนและประธานาธิบดี สี จิ้นผิง อีกด้วย อันนับได้ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ให้เกียรติและความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างมิตรภาพระหว่างไทย-จีน ตราบถึงปัจจุบัน

“กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ได้เสด็จเยือนจีนมาแล้วมากกว่า 50 ครั้งและทรงเสด็จเยือนมณฑล เมือง เขตปกครองตนเองของจีนทั่วทุกแห่ง โดยทุกครั้งที่ทรงเสด็จเยือนจีน ก็จะทรงถ่ายทอดประสบการณ์การเยือนจีน เป็นพระราชนิพนธ์ อาทิ "ย่ำแดนมังกร" และพระราชนิพนธ์อีกหลายเรื่อง เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้อ่านและศึกษา ทั้งบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
 

พระองค์เคยตรัสไว้ในหนังสือ "ความรักผูกพันกับจีน:การระลึก 30 ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนจีน” ว่า "ตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็กก็รู้จักประเทศจีนแล้ว แม้ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทยยังไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันก็ตาม แต่ข้าพเจ้าก็สามารถรู้เรื่องราวข่าวสารต่างๆ จากสถานีวิทยุกระจายเสียงของประเทศจีน"
 

ไทยและจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อปี 2518 และเมื่อปี 2523 “กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ทรงเริ่มศึกษาภาษาจีน โดยการแนะนำจากพระมารดา "พระมารดาเคยตรัสกับข้าพเจ้าว่า คนจีนหาความรู้จากการอ่านหนังสือ หากเข้าใจภาษาจีนก็จะมีความรู้มากขึ้น แท้จริงแล้วก็เป็นอย่างพระมารดาทรงตรัสไว้ " ในปีถัดมา “กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” เสด็จเยือนจีนเป็นครั้งแรก และทรงพบ นายเติ้ง เสี่ยว ผิง รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในขณะนั้น พร้อมตรัสว่า ประเทศไทยและประเทศจีน มีความสัมพันธ์และมิตรภาพที่แน่นแฟ้น เพราะเราล้วนเป็นคนเอเชียเหมือนกัน มีขนบธรรม เนียมและการเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน หลังจากนั้นไม่นาน นายเติ้ง เสี่ยว ผิง ก็ได้เป็นประธานาธิบดีของจีน และต่อมาพระองค์ยังได้ทรงต้อนรับ นายเติ้ง เสี่ยว ผิง เมื่อครั้งเดินทางเยือนประเทศไทยด้วย
 

กว่า 40 ปีมานี้ ที่พระองค์ทรงเสด็จเยือนจีน และได้ทรงต้อนรับผู้นำสูงสุดของจีน ที่เดินทางมาเยือนไทย พระองค์ได้ทรงทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรี สานความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วยดี จนมิตรภาพ ไทย-จีน มีความมั่นคงแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง จากหนังสือที่ระลึก 30 ปี ในการเสด็จฯ เยือนจีน เจ้าหญิงของไทยได้สัมผัสพระหัตถ์ของพระองค์ท่านกับผู้นำจีนแทบจะทุกๆ คน นับตั้งแต่ นายเติ้ง เสี่ยว ผิง เรื่อยมาจนกระทั่งถึง นายสี จิ้นผิง ผู้นำในปัจจุบัน พระองค์จึงทรงเป็นมิตรที่ดีและเป็นที่ไว้วางใจสูงสุดกับประเทศจีน และประชาชนชาวจีน พระราขกรณียกิจของพระองค์ดังกล่าว จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างมิตรภาพระหว่างไทย-จีนให้มีความแน่นแฟ้น มั่นคงถึงปัจจุบัน และในอนาคตสืบไป
 

บนสถานการณ์ของความขัดแย้ง และการเผชิญหน้าของบรรดามหาอำนาจต่างๆ ของโลกขณะนี้ การสร้างมิตรภาพกับประเทศต่างๆ และการถ่วงดุลยระหว่างประเทศมหาอำนาจ และประเทศต่างๆ ที่มีบทบาทบนเวทีโลก จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยของเรา จะต้องวางตน กำหนดท่าที และมีจุดยืนที่เหมาะสม บทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยรอดพ้นจากลัทธิล่าอาณานิคมตะวันตกมาได้ ก็ด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ของไทย
 

ปัจจุบันแม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปไกลแล้วเพียงใดก็ตาม ประเทศไทยก็มิอาจวางใจจากภัยที่คุกคามจากประเทศมหาอำนาจของโลกได้ การสร้างมิตรภาพไทย-จีน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทย พึงตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง