เบื้องหลังบทความฐานันดรฯ

03 ม.ค. 2565 | 01:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ก่อนอื่นขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ 2565 ขอให้แฟนคลับทุกๆ ท่าน จงมีแต่ความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ตลอดปีใหม่นี้นะครับ ในช่วงเวลาที่ผมเขียนเรื่องราวของคุณสุวรรณียาวนานหลายเดือน แรกๆ ก็มีเพื่อนๆ แฟนคลับส่งไลน์เข้าสอบถามกันเยอะมาก ต้องขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ผมอยากจะขอนำเรื่องราวที่ได้รับมา กลับมาเล่าถึงเบื้องหลังที่ผมไม่ได้กล่าวถึงเหล่านั้น มาเล่าให้ฟังนะครับ
 

คุณสุวรรณีเป็นบุคคลที่มีอยู่จริง ปัจจุบันได้กลับมาอยู่ในกรุงเทพเรียบร้อยแล้ว ส่วนชื่อจริงของเธอ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงนะครับ เพราะได้รับปากไว้ก่อนที่จะเขียน เพื่อความประสงค์ของเธอ และความปลอดภัยซึ่งเธอยังคงต้องกลับไปดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาต่อในอนาคต อีกทั้งเธอคงจะต้องอาศัยอยู่ที่นั่นอีกเป็นเวลายาวนาน เนื่องจากสามีเธอเป็นคนสัญชาติเมียนมา ดังนั้นเธอจึงเกรงว่าจะไปมีผลกระทบต่อครอบครัวของสามีเธอ จึงมีความจำเป็นต้องปกปิดตัวตน แต่เรื่องราวต่างๆที่นำมาเล่า ไม่ได้แต่งเติมเพิ่มมากกว่าที่ผมทราบจากปากคุณสุวรรณีเลย มีบางตอนที่ผมไม่สามารถจะเล่าในบทความได้ จึงทำให้ความจริงถูกตัดทอนออกไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ที่ติดตามอ่าน ก็ไม่ได้ทำให้ขาดอรรถรสลงไปครับ

หลายๆ เรื่องที่เล่าออกจากปากเธอ ในช่วงเวลาที่อยู่กับกองกำลังชาติพันธุ์ มีความเข้มข้นมาก แม้ผมจะเป็นคนขาลุยมากๆ เมื่อฟังจากคำบอกเล่าของเธอ ผมต้องออกปากเลยว่า “เธอกล้ามาก” เป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่เกรงกลัวต่อความโหดร้ายเลย ผมเชื่อว่าผู้ชายอกสามศอกบางคน ถ้าไปประสบพบเจอเหตุการณ์อย่างนั้น รับรองว่าเผ่นหนีแทบไม่ทันแน่ๆ ครับ แต่เธอยังนิ่งสงบเยือกเย็น แล้วค่อยๆคิดหาทางกลับบ้านจนได้ ดังนั้นในช่วงที่ผมเขียนจึงเกรงว่าจะเป็นแรงจูงใจให้เด็กๆวัยรุ่นจะเอาตามอย่าง หรือเป็นไอดอลให้เด็กๆทำตาม ซึ่งอันตรายมากๆครับ แต่ต้องยอมรับว่าโชคดีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ครับ
 

บางตอนที่เธอเล่าถึงการขนส่งอัญมณี กลับเข้ามาจากประเทศเมียนมา เพื่อนำเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นการผิดกฎหมาย แต่เพื่อความอยู่รอดของพ่อค้าพลอยและคนรับจ้างขน เขาต้องเอาพลอยเม็ดเล็กๆฝังลงไปให้เนื้อหนังมังสาของตนเอง เช่น ถ้าเม็ดเล็กๆ เขาก็จะใช้วิธีฝังในฟันของตนเอง หรือบางครั้งต้องกรีดต้นขาตนเอง แล้วเอาพลอยฝังไว้ในต้นขา แล้วเย็บแผลปิดด้วยพลาสเตอร์ยา เดินข้ามมาฝั่งไทยแล้วจึงแกะออกมา หรือบางครั้งเพื่อความปลอดภัยจากการถูกปล้นระหว่างเดินทาง เขาก็ใช้ถุงยางอนามัยห่อหุ้มไว้ แล้วกลืนลงท้อง พอข้ามมาฝั่งไทยก็ต้องถ่ายท้องออกมา เป็นต้น ซึ่งในบทความผมก็ไม่ได้เขียนสาธยายให้ฟังครับ

บางตอนที่กล่าวถึงผู้มีพระคุณ ผมก็ไม่สามารถระบุชื่อเสียงเรียงนามท่านได้ ทั้งๆ ที่ตอนเล่า เธอได้บอกผมหมด แต่ด้วยความเคารพเราจึงไม่ขอเอ่ยชื่อท่าน แต่ต้องบอกว่าตั้งแต่ท่านสนับสนุนเธอมาทุกช่องทาง ที่เขียนลงไปยังน้อยกว่าที่เธอเล่าเยอะมาก แต่ท่านเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรจากเธอคืนมา หรือมีความคิดไม่ดีกับเธอเลย นับว่าเป็นเรื่องที่คนทั่วไป ถ้าไม่ถูกชะตากันจริงๆ เขาคงไม่ได้ทำให้ถึงขนาดนี้แน่นอน นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ได้สั่งสมมาจากชาติใหนๆกระมัง เธอถึงได้โชคดีที่ได้รับความกรุณาจากท่าน
 

ยังมีอีกหลากหลายตอนที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้เขียนให้อ่าน เพราะผมเกรงว่าจะยึดเยื้อจนน่าเบื่อเกินไป อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงเรียกร้องจากเพื่อนๆแฟนคลับ ที่อยากให้ผมรวมเล่มเป็นพ็อกเก็ตบุคส์ ซึ่งผมกำลังคิดอยากจะทำเช่นกัน แต่การพิมพ์หนังสือออกมาหนึ่งเล่ม ต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างจะสูง เป็นเลขหกหลักเลยครับ ที่สำคัญผมไม่เคยคิดอยากจะวางขาย หนังสือทุกเล่มที่ผมพิมพ์ออกมา ผมจะนำไปบริจาคให้ห้องสมุดและเพื่อนๆที่อยากได้เสมอ จึงต้องคิดหนักเลยครับ รอผมรวบรวมผู้อ่านที่สนใจจริงๆมีมากพอ ค่อยทำนะครับ
 

มีเพื่อนอีกสาม-สี่ท่าน รวมทั้งเพื่อนชาวไต้หวัน ที่ผมแปลเป็นภาษาจีนให้อ่านทุกตอน เขาบอกว่าอยากให้นำเสนอให้ผู้จัดทำละครหรือภาพยนต์ นำไปสร้างเป็นละครทีวี  ผมต้องบอกว่าผมไม่มีเพื่อนที่เป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจทางด้านนี้เลยครับ ครั้นจะออกไปนำเสนอเอง ผมก็เกรงว่าจะหน้าแตกเย็บไม่ติด เลยไม่มีความกล้าพอจะนำเสนอครับ เลยต้องขออนุญาตพับเก็บก่อนนะครับ รอโอกาสที่มีคนเห็นเข้ามาขอ ผมจะรีบยกให้โดยไมเก็บค่าต้นฉบับ เผลอๆคงต้องแถมข้าวสารหนึ่งกระสอบให้ไปเลยครับ
 

บทความตอนต่อไป ผมก็มีเตรียมไว้บ้างแล้ว และได้โทรศัพพ์ไปขออนุญาตเพื่อนรักท่านหนึ่ง ว่าขอนำเอาเรื่องราวการบุกเข้าไปทำมาหากินที่เมียนมาของท่าน มาเขียนให้เพื่อนๆแฟนคลับอ่าน ซึ่งท่านก็รับปากอนุญาตแล้ว ท่านเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเมียนมานานมาก หลังผมเข้าไปไม่กี่ปี ก็ต่อสู้มาอย่างโชกโชน เรื่องสนุกสนานเยอะมากพอควรครับ น่าศึกษาสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่อยากจะออกไปเผชิญโชคยังต่างแดนครับ ชื่อเรื่องยังไม่ได้ตั้ง ว่าจะขอปรึกษาเจ้าของเรื่องดูก่อนครับ แต่รับรองว่าสนุกสนานไม่แพ้เรื่องของคุณสุวรรณีแน่นอนครับ ในอาทิตย์หน้าอยากให้ทุกท่านรอติดตามอ่านดูนะครับ