ผ่าอาญาจักร "ออกญา ก๊กอาน" นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล-เจ้าของกาสิโนกัมพูชา

ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 19 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ "ปิดตึกบัญชีม้า" เพื่อล่านายทุนกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ

 

โดยมุ่งเน้นการจับกุม นายก๊กอาน หรือ MR. Kok An เจ้าของกิจการที่เชื่อมโยงกับการหลอกลวงทางออนไลน์ และธุรกิจกาสิโนในประเทศกัมพูชา ตามหมายจับจากศาลอาญา

 

 

เนื่องจาก นายก๊กอาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการดำเนินการในหลายคดี อาทิ คดีกาสิโนที่มีผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนและสูญเสียเงินกว่า 300 ล้านบาท, คดีคุณชาลอต, และคดีที่เกิดขึ้นกับคุณหมอจากจังหวัดเชียงรายที่ถูกหลอกลวงไปกว่า 30 ล้านบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ระบุว่า จากการสืบสวนและการจับกุมผู้ต้องหาในบางคดี ได้พบข้อมูลว่า นายก๊กอาน หรือ MR. Kok An ได้ไปปรากฏตัวในสถานที่ต่างๆ เช่น อาคารสูง 25 ชั้น, อาคาร 18 ชั้น, อาคาร HISO, และอาคาร Crown Casino ที่ตั้งอยู่ในปอยเปต กัมพูชา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของเขาที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมอาชญากรรมดังกล่าว การสืบสวนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากพยานบุคคลและเอกสารต่างๆ ที่สามารถขออนุญาตศาลออกหมายจับได้

 

 

ปฏิบัติการตรวจค้นพบว่า ก๊กอาน มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่ทั้ง 19 จุดที่ถูกตรวจค้น ซึ่งเป็นบ้านและสถานที่ต่างๆ ที่เขามีการลงทุนและเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย แม้ว่าบางแห่งจะมีคนดูแลบ้านอยู่ แต่ก็ยังไม่พบตัวของ นางจูรี หรือ เชอร์รี่ ที่คาดว่าอาจจะเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับนายก๊กอาน ซึ่งจากการตรวจฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์พบว่าเธอไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับนายก๊กอาน

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลพบว่า "ก๊กอาน" หรือ Oknha Kok An (ឧកញ៉ា កុក អាន) เป็นนักธุรกิจและสมาชิกวุฒิสภาของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่มีอิทธิพลและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่สามารถหารูปคู่ของทั้งสองคนได้จากสื่อกัมพูชาได้ไม่ยาก

 

ก๊กอาน ได้รับตำแหน่ง "Oknha"  หรือ "ออกญา" เป็นบรรดาศักดิ์หรือตำแหน่งที่มักมอบให้กับบุคคลที่บริจาคเงินจำนวนมากให้กับรัฐบาลกัมพูชา หรือมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมรอดีตเป็นตำแหน่งขุนนางในราชสำนักกัมพูชา แต่ปัจจุบันตำแหน่งนี้ถูกนำมาใช้ในบริบทของสังคมสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจและการเมือง 

 

โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่จะได้รับตำแหน่ง Oknha จะต้องบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับรัฐบาลกัมพูชา เช่น อย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 

 

 

ประวัติและธุรกิจของก๊กอาน

"ออกญา ก๊กอาน" เกิดในปี พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เขาเป็นเจ้าของบริษัท Anco Brothers สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ซึ่งดำเนินธุรกิจหลากหลาย 

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ ANCO GROUPS ระบุภาพรวมของบริษัทและบริการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำหน่ายและตลาดที่บริการ โดยระบุว่า Anco Brothers ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 หรือ พ.ศ. 2536 กลุ่มบริษัท Anco ประกอบด้วยบริษัทต่างๆ ดังนี้

• Anco Brothers Co., Ltd. ก่อตั้งในปี 1993
• Crown Resorts Co., Ltd. ก่อตั้งในปี 1999
• Anco Electricity Co., Ltd. ก่อตั้งในปี 1999
• Khmer Electrical Power Co., Ltd. ก่อตั้งในปี 2002
• Anco Specialized Bank (ASB) ก่อตั้งในปี 2006
• Ice Cream & Pure Drinking Water Manufacturing

 

กลุ่มบริษัท Anco ได้รับการบริหารจัดการโดย Oknha Kok An (ประธาน) และ Mr. Phu Sae Tong (กรรมการผู้จัดการ) มีพนักงานประมาณ 2,500 คน

 

ส่วนลักษณะธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย

• การค้าผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างประเทศ เช่น บุหรี่ 555, น้ำแร่ Evian, เบียร์ Budweiser
• การผลิตไอศกรีม
• การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและโรงไฟฟ้า
• สายส่งไฟฟ้าและการกระจายไฟฟ้า
• กาสิโนและรีสอร์ทโรงแรมเพื่อการบันเทิง
• การให้บริการเงินกู้รายย่อยสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลทั่วไป (Anco Specialized Bank :ASB)

 

ธุรกิจกาสิโนของเขา เช่น Crown Casino ในเมืองปอยเปต เคยตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยในปี พ.ศ. 2559 มีการจับกุมชาวจีน 70 คนที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ที่กาสิโน

 

 

ความสัมพันธ์ทางการเมืองและครอบครัว

ข้อมูลระบุด้วยว่า "ก๊กอาน" มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่มีอิทธิพลอย่างมากในกัมพูชา ลูกสาวของก๊กอาน ชื่อ "Phu Sae Ping(ฝู แซ ผิง)" แต่งงานกับ "Ly Yaowalak(ลี เยาวลัก)" ซึ่งเป็นลูกสาวของ "Oknha Ly Yong Phat (ออกญา ลี ยงพัด) หรือ นายพัด สุภาภา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เสี่ยพัด"  นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งในกัมพูชา 

 

"ยืนยันว่า การตรวจค้นในครั้งนี้ไม่ใช่การตั้งเป้าหมายเพื่อจับกุมบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นการปฏิบัติการที่ทำมาต่อเนื่องเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการหลอกลวงประชาชนในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับผู้เสียหายจำนวนมาก" พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวย้ำ