เครื่องบินแอร์อินเดียตก สะเทือนภาพลักษณ์โบอิ้งอีกระลอก

15 มิ.ย. 2568 | 01:00 น.

เครื่องบินโบอิ้ง 787 แอร์อินเดียตกหลังเทกออฟครู่เดียว เสียชีวิตเกือบยกลำ ส่งผลให้โบอิ้งถูกจับตาอีกครั้ง ท่ามกลางปัญหาสะสมและขาดทุนต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • เหตุเกิดหลังเทกออฟไม่กี่นาทีที่เมืองอาห์เมดาบาด นับเป็นอุบัติเหตุเสียชีวิตครั้งแรกของรุ่น Dreamliner ตั้งแต่เริ่มใช้งานในปี 2009
  • ไม่ใช่แค่รุ่น 787 แต่ก่อนหน้านี้ 737 MAX ก็เคยเกิดเหตุเครื่องตกสองครั้งใหญ่ รวม 346 ราย กระทบความเชื่อมั่นแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
  • หุ้นโบอิ้งร่วงทันที 4% หลังเหตุการณ์ ล่าสุดขาดทุน 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 รวมสะสมกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2019 แม้ยังได้ออเดอร์ใหญ่ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์จากกาตาร์

เครื่องบินแอร์อินเดียตก กระตุ้นปัญหาโบอิ้งอีกครั้ง ตามฐานข้อมูลของ Aviation Safety Network นี่เป็นอุบัติเหตุเสียชีวิตครั้งแรกนับตั้งแต่เครื่องบินดรีมไลเนอร์ของโบอิ้งเริ่มให้บริการในปี 2009

อุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 787 ตกในอินเดียเพียงไม่กี่นาทีหลังจากเครื่องขึ้นบินเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้สายตาทั่วโลกหันกลับมาจับจ้องไปยังผู้ผลิตที่กำลังเผชิญปัญหาอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดเครื่องบินจึงตก

ซากเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์อยู่ในบริเวณที่ เครื่องบิน แอร์อินเดียตกในเมืองอาห์มดาบาดประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 REUTERS

ทางการระบุว่า เครื่องบินโบอิ้ง 787 ของสายการบินแอร์อินเดียตกในเมืองอาห์เมดาบาด ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีผู้โดยสารมากกว่า 240 คนอยู่บนเครื่องเพียงไม่นานหลังจากบินขึ้น นับเป็นอุบัติเหตุเสียชีวิตครั้งแรกนับตั้งแต่เครื่องบินรุ่นนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ดรีมไลเนอร์” เริ่มให้บริการในปี 2009 ตามข้อมูลจาก Aviation Safety Network

ราคาหุ้นของโบอิ้งร่วงลงมากกว่า 4% ในการซื้อขายช่วงบ่ายของวัน

โบอิ้ง 787 เป็นเครื่องบินโดยสารลำแรกที่มีการใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

แบตเตอรี่ประเภทนี้มีน้ำหนักเบา ชาร์จได้เร็ว และเก็บพลังงานได้มากกว่าชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 เครื่องบิน 787 ทั้งฝูงต้องถูกสั่งระงับการบินชั่วคราวเนื่องจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนมีปัญหาความร้อนสูง ซึ่งในบางกรณีทำให้เกิดไฟไหม้

737 MAX

รุ่นแม็กซ์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737 ซึ่งเป็นรุ่นขายดีที่สุดของบริษัท ได้สร้างปัญหาให้โบอิ้งอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดอุบัติเหตุตกสองครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในอินโดนีเซียเมื่อปี 2018 และอีกครั้งในเอธิโอเปียในปี 2019 คร่าชีวิตรวม 346 ราย

สาเหตุของปัญหามาจากเซ็นเซอร์ที่ส่งข้อมูลผิดพลาดจนทำให้จมูกเครื่องบินกดต่ำลง ส่งผลให้นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องได้ หลังจากเหตุการณ์ตกครั้งที่สอง เครื่องบินแม็กซ์ทั่วโลกถูกสั่งระงับการบินจนกว่าโบอิ้งจะออกแบบระบบใหม่

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงที่อนุญาตให้โบอิ้งหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาหลอกลวงหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับเครื่องบินแม็กซ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุทั้งสองครั้ง

เครื่องบิน โบอิ้ง 737 MAX จัดแสดงที่งาน Farnborough International Airshow ในฟาร์นโบโรห์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2022 REUTERS

ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบินรุ่นนี้กลับมาอีกครั้งหลังจากชิ้นส่วนปิดประตูหลุดออกจากเครื่องบินแม็กซ์ของสายการบินอลาสกาแอร์ไลน์ ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลจำกัดการผลิตของโบอิ้งไว้ที่ 38 ลำต่อเดือน

ปัญหาทางการเงิน

โบอิ้งรายงานผลขาดทุน 1.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2024 ทำให้ยอดขาดทุนรวมของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2019 สูงกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ 

ปัญหาทางการเงินของบริษัททวีความรุนแรงขึ้นจากการประท้วงหยุดงานของช่างเครื่องที่ทำการประกอบเครื่องบินในโรงงานที่เมืองเรนตันและเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตัน ซึ่งส่งผลให้การผลิตต้องหยุดชะงัก และความสามารถในการส่งมอบเครื่องบินของโบอิ้งได้รับผลกระทบ

ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 โบอิ้งรายงานผลขาดทุนที่ลดลงเหลือ 31 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซีอีโอ เคลลี่ ออร์ตเบิร์ก กล่าวว่า โบอิ้งมีความคืบหน้าในการทำให้การดำเนินงานมีเสถียรภาพมากขึ้นในไตรมาสดังกล่าว

คำสั่งซื้อและการส่งมอบ

การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากภาครัฐและการนัดหยุดงานของแรงงานส่งผลให้ยอดการส่งมอบเครื่องบินของโบอิ้งลดลงในปีที่แล้ว

โบอิ้งระบุว่า บริษัทส่งมอบเครื่องบินโดยสาร 348 ลำในปี 2024 ลดลงหนึ่งในสามจากปี 2023 ที่มียอดส่งมอบ 528 ลำ

โบอิ้งส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์ให้กับลูกค้าได้น้อยกว่าคู่แข่งหลักอย่างแอร์บัสเกินครึ่ง โดยแอร์บัสรายงานว่าส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์ 766 ลำในปี 2023

ปัญหาของโบอิ้งยังไม่ทำให้ลูกค้าสายการบินเลิกสนใจเครื่องบินของบริษัท โดยเมื่อเดือนที่แล้ว โบอิ้งสามารถคว้าคำสั่งซื้อครั้งใหญ่จากลูกค้าในตะวันออกกลางสองราย โดยดีลนี้รวมถึงคำสั่งซื้อเครื่องบิน 787 และ 777X มูลค่า 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากกาตาร์ ซึ่งโบอิ้งระบุว่า เป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น 787 และเครื่องบินลำตัวกว้างที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท