ในปี 2025 อุตสาหกรรมบันเทิงโลกเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่ออิทธิพลของ “ซอฟต์พาวเวอร์จีน” แผ่ขยายออกไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงฮอลลีวูด ประเทศที่เคยครองบัลลังก์ผู้นำด้านภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันวงการบันเทิงจีนก็พุ่งทะยานด้วยความสำเร็จจาก ซีรีส์จีน แอนิเมชันระดับโลก และการส่งออกวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่เคย
ซีรีส์จีน หรือ C-Drama ไม่เพียงแค่ได้รับความนิยมภายในประเทศ แต่ได้กลายเป็น “สินค้าส่งออกเชิงวัฒนธรรม” ที่กำลังเปลี่ยนความรับรู้ของผู้ชมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปอย่างสิ้นเชิง ผลสำรวจจาก Media Partners Asia ระบุว่า ในปี 2023 ซีรีส์จีนมีสัดส่วนถึง 20% ของการรับชมผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใน 5 ประเทศหลักในอาเซียน โดยประเทศไทยครองอันดับหนึ่งด้านยอดผู้ชม และยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของแพลตฟอร์มจีนอย่าง iQiyi การเติบโตนี้ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทจีน ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการเลือกถ่ายทำในประเทศอาเซียนเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้ชม
กระแส C-Drama ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาจีน การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ถ่ายทำ เช่น เมืองเฉิงตู เมืองฉงชิ่ง หรือสตูดิโอเหิงเตี้ยน ซึ่งเป็นที่ตั้งของซีรีส์ย้อนยุคชื่อดัง โดยผู้ชมชาวไทยจำนวนมากถึงขั้นเดินทางไปแต่งชุดฮั่นฝูและถ่ายภาพในฉากจำลอง เพื่อ “ใช้ชีวิตแบบตัวละครโปรด” ความสำเร็จของวัฒนธรรมจีนในลักษณะนี้ไม่ใช่เพียงการบริโภคเนื้อหา แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงความรู้สึกและตัวตนของผู้ชมเข้ากับวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
ในขณะที่จีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำ ฮอลลีวูดกลับต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการย้ายฐานการผลิตออกจากแคลิฟอร์เนียเพื่อลดต้นทุน การประท้วงของกลุ่มนักแสดงและนักเขียนบทเมื่อปี 2023 ปัญหาการรับมือกับกระแสดิจิทัล และการสูญเสียพื้นที่ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงจีนเอง ที่มีการจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยในปี 2024 ฮอลลีวูดมีส่วนแบ่งตลาดในจีนเพียง 14.4%
แม้จะมีการเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง “Avatar 3” หรือ “Deadpool 3” แต่รายได้รวมของฮอลลีวูดยังไม่สามารถเทียบกับการเติบโตของตลาดภายในประเทศจีนได้ โดยเฉพาะแอนิเมชันจีนอย่าง “Ne Zha 2” ที่ทำรายได้ทะลุ 2.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ชมชาวจีนในฐานะ “ภาพยนตร์ชาติ”
ความนิยมในวัฒนธรรมจีนไม่ได้เท่ากับการยอมรับทางการเมือง เพราะผลสำรวจ ISEAS ล่าสุดพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามจากอาเซียนส่วนใหญ่ยัง “ไม่ไว้วางใจ” จีนในประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคง โดยเฉพาะในประเทศอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งแสดงความกังวลต่ออิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้และเศรษฐกิจภูมิภาค
แม้ซอฟต์พาวเวอร์จีนจะไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้คนในทุกมิติได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมบันเทิงจีนได้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในการผลักดันภาพลักษณ์ สร้างรายได้ และส่งอิทธิพลทางวัฒนธรรมสู่เวทีโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน