จีนเร่งวางมาตรฐานรีไซเคิลแบตฯ สู้ศึกภาษี-แย่งวัตถุดิบโลก

24 พ.ค. 2568 | 07:25 น.

จีนเดินหน้ากำหนดมาตรฐานรีไซเคิลแบตเตอรี่ใช้แล้ว หวังเสริมความมั่นคงห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางศึกภาษีและวิกฤตแย่งแร่หายากทั่วโลก

โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า จีนไม่เพียงแค่เป็นมหาอำนาจด้านการผลิตแบตเตอรี่ แต่ยังเดินหน้าเร่งวางมาตรฐานรีไซเคิลแบตฯ อย่างจริงจัง เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำและรับมือกับปัญหาใหม่ที่เริ่มชัดเจนขึ้นทุกวัน

หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญ คือ การออกมาตรฐานแห่งชาติสำหรับ "แบล็กแมส" หรือผงสีดำที่ได้จากการบดและแยกวัสดุจากแบตเตอรี่เก่า ซึ่งเต็มไปด้วยแร่ล้ำค่าอย่างลิเธียม โคบอลต์ และนิกเกิล มาตรฐานนี้เตรียมมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2025 และจะกลายเป็นก้าวสำคัญของจีนในการควบคุมคุณภาพและการนำเข้าแบล็กแมสอย่างถูกกฎหมาย

แม้จีนจะครองตลาดรีไซเคิลแบตเตอรี่มากกว่าสองในสามของโลก แต่ในความเป็นจริง อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับปัญหากำลังการผลิตล้น โรงงานหลายแห่งเดินเครื่องแค่ 20–30% เพราะของที่ควรเอามารีไซเคิล เช่นแบตเตอรี่หมดอายุกลับมีไม่พอ

สาเหตุมาจาก แบตเตอรี่ยุคใหม่ทนทานกว่าที่คาด แถมเศษแบตเตอรี่จากกระบวนการผลิตก็ไม่ได้มากอย่างที่คาดหวังไว้ ทำให้หลายโรงงานต้องลดกำลังผลิตหรือแย่งวัตถุดิบกันเอง

อีกด้านหนึ่ง จีนยังต้องรับมือกับแรงกดดันจากสงครามภาษี โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีกับรถยนต์ไฟฟ้าและสินค้าเกี่ยวเนื่องจากจีน หากจีนส่งออก EV ไปสหรัฐไม่ได้ ก็ต้องหาตลาดใหม่อย่างยุโรป ซึ่งก็อาจไม่เปิดรับนัก หากต้องการปกป้องอุตสาหกรรมตัวเอง

นักค้าในจีนบางรายมองว่า ความเสี่ยงนี้อาจสะเทือนไปถึงต้นน้ำ เช่น โรงงานรีไซเคิล ที่ต้องรับผลจากการขายแบตเตอรี่ได้น้อยลงนั่นเอง

ความท้าทายไม่ได้จบแค่เรื่องตลาดหรือภาษี แต่ยังลามไปถึงเรื่องมูลค่าของวัสดุที่รีไซเคิลได้ด้วย โดยเฉพาะ แบตเตอรี่สูตร LFP (ลิเธียม–เหล็ก–ฟอสเฟต) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ประเภทนี้ใช้งานอยู่หลากหลายในอุปกรณ์ไฟฟ้าและยานยนต์ คิดค้นมาตั้งแต่ยุค 90

มีจุดเด่นเรื่องความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน เนื่องจากมีไซเคิลหรือรอบการชาร์จที่ค่อนข้างสูงประมาณ 2,000-3,000 ครั้ง ที่แม้จะผลิตมากขึ้น แต่กลับไม่มีนิกเกิลหรือโคบอลต์ ซึ่งเป็นโลหะมีค่าที่เคยทำให้การรีไซเคิลคุ้มทุน

ราคาของ “แบล็กแมส” LFP ตอนนี้ตกอยู่ที่ราว 2,400–2,550 หยวนต่อเปอร์เซ็นต์ลิเธียม ขณะที่ NCM (นิกเกิล–โคบอลต์–แมงกานีส) แบตที่มีความสดใหม่มากกว่าแบต LFP เพราะถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 2009 มีความหนาแน่นพลังงานสูงอยู่ที่ประมาณ 230 -250 Wh/kg ยังมีราคาดีกว่า เพราะแยกโลหะมีค่าได้หลากหลาย

นักวิเคราะห์จาก Fastmarkets เตือนว่า หากแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ๆ ยิ่งลดโคบอลต์ลงอีก หรือเปลี่ยนไปใช้สูตรที่ไม่มีโลหะราคาแพงเลย การรีไซเคิลจะยิ่งไม่มีความคุ้มในเชิงธุรกิจ

แม้เศษแบตเตอรี่จากรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มเพิ่มขึ้น แต่ความเร็วในการเติบโตของโรงงานรีไซเคิลกลับเร็วกว่า จนเกิดปัญหาวัตถุดิบไม่พอให้แปรรูป โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่หมดอายุแล้ว (EOL) ซึ่งยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการ

ราคาของเศษแบตเตอรี่ NCM อยู่ที่ราว 23,000–25,000 หยวนต่อตัน ขณะที่ LFP อยู่เพียง 7,000–8,300 หยวนต่อตัน ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่าเศษ LFP ยังไม่มีมูลค่ามากพอให้รีไซเคิลอย่างคุ้มทุน