เปิดเส้นทางการทูตรัฐบาลทรัมป์ หยุดนองเลือดยูเครนยังไร้บทสรุป

20 พ.ค. 2568 | 01:09 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ค. 2568 | 01:10 น.

3 ปีแห่งความสูญเสีย สันติภาพยังเป็นเพียงความหวัง สำรวจเส้นทางการทูตของรัฐบาลทรัมป์ ในการยุติวิกฤตยูเครนที่ยังไร้บทสรุป

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสนใจต่อการยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยเมื่อไม่นานมานี้เขาบอกว่าการยุติความขัดเเย้งจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าจะได้ประชุมอย่างเป็นทางการกับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย

มุมมองของทรัมป์และฝ่ายบริหารต่อการเจรจาได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ เตือนเมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน โดยระบุว่า สหรัฐฯ อาจถอนตัวจากความพยายามไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองประเทศหากไม่มีความคืบหน้าในเวลาไม่กี่ วัน

ขณะนี้ทรัมป์ดูเหมือนจะออกมาเร่งให้มีการพบกันตัวต่อตัวกับปูติน และบอกเป็นนัยว่าเขาคือคนเดียวที่สามารถยุติความขัดแย้งนี้ได้ หลังจากที่การเจรจาสันติภาพหยุดชะงักมาเป็นเวลาหลายเดือน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้นำรัสเซียปฏิเสธที่จะพบกับประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนโดยตรงในตุรกี ขณะที่ตัวแทนของยูเครนและรัสเซียตกลงกันเรื่องการแลกเปลี่ยนเชลยเมื่อวันศุกร์ที่อิสตันบูล แต่ข้อตกลงสันติภาพที่ใหญ่กว่า ซึ่งทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาสามารถบรรลุได้ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ยังคงเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

ต่อไปนี้คือ ภาพรวมของเส้นทางสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน หลังสงครามยืดเยื้อ 3 ปี ที่เปลี่ยนไปมาของรัฐบาลทรัมป์

28 กุมภาพันธ์

เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในห้องรูปไข่ ขณะที่ทรัมป์ตำหนิเซเลนสกี นำไปสู่ความตึงเครียดทันทีในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและยูเครน ทรัมป์และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ วิจารณ์เซเลนสกีว่าไม่แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากสหรัฐ และกล่าวหาว่าเป็นอุปสรรคต่อข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย ต่อมาเขาถูกเชิญให้ออกจากทำเนียบขาว และจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

11 มีนาคม

เซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนยอมรับการหยุดยิง 30 วันซึ่งเสนอโดยสหรัฐฯ หลังการเจรจาสันติภาพที่สำคัญระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยูเครนที่ซาอุดีอาระเบีย

สหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงร่วมกับยูเครนภายหลังการประชุมที่เมืองเจดดาห์ว่า จะยุติการระงับการแบ่งปันข่าวกรองทันที และกลับมาดำเนินการสนับสนุนด้านความมั่นคงแก่ยูเครนอีกครั้ง ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะหารือกับปูตินเกี่ยวกับแผนดังกล่าว

13 มีนาคม

ทรัมป์กล่าวว่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังมากสำหรับโลก หากปูตินไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิง ขณะที่ปูตินระบุว่าเห็นด้วยในหลักการ แต่ได้ตั้งเงื่อนไขที่ยูเครนไม่อาจยอมรับได้

ผู้แทนพิเศษตะวันออกกลางของทรัมป์ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ได้พบกับปูตินในมอสโกด้วย

11 เมษายน

วิตคอฟฟ์พบกับปูตินที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

17 เมษายน

ร่างแผนสันติภาพที่สหรัฐฯ จัดทำ ได้รับการตอบรับที่น่ายินดี ในการเจรจาสันติภาพระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยุโรป และยูเครนที่ปารีส ตามการแถลงของกระทรวงการต่างประเทศ โดยหนึ่งในข้อตกลงรวมถึงสัญญาณจากรัฐบาลทรัมป์ถึงความเต็มใจที่จะยอมรับการควบคุมไครเมียของรัสเซียอย่างเป็นทางการ ตามแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับกรอบการเจรจา ไครเมียเป็นดินแดนของยูเครนที่รัสเซียรุกรานในปี 2014 และยังคงยึดครองอยู่

18 เมษายน

รูบิโอเตือนว่าหากไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครน–รัสเซียในเวลาไม่กี่วัน สหรัฐฯ อาจถอนตัวจากการเจรจา

หากไม่สามารถยุติสงครามในยูเครนได้ เราจำเป็นต้องก้าวต่อไป

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนออกเดินทางไปปารีส ซึ่งเขาได้จัดการเจรจาระดับสูงกับเจ้าหน้าที่จากยุโรปและยูเครน

ต่อมา ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องรูปไข่ว่ารูบิโอพูดถูก แต่กล่าวว่า ไม่มีจำนวนวันที่เจาะจง แต่ต้องการให้ให้จบโดยเร็ว

22 เมษายน

เซเลนสกีกล่าวว่ายูเครนจะไม่ยอมรับต่อการยึดครองไครเมีย ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ได้เสนอไว้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขเพื่อยุติความขัดแย้ง

23 เมษายน

ทรัมป์โยนภาระให้เซเลนสกียอมรับข้อตกลง โดยกล่าวว่าผู้นำยูเครนไม่มีไพ่ในมือและกำลังยืดเยื้อสงครามผ่านคำพูดยั่วยุ ขณะที่สหรัฐฯ พยายามเจรจาเพื่อยุติข้อขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

ในช่วงกลางคืน รัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2024

24 เมษายน

ทรัมป์ไม่พอใจกับการโจมตีของรัสเซีย

มันไม่จำเป็นเลย และเป็นช่วงเวลาที่แย่มาก หยุดซะ มีทหารเสียชีวิตสัปดาห์ละ 5,000 คน ได้โปรดทำข้อตกลงสันติภาพให้เสร็จ

ทรัมป์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องรูปไข่ว่าปูตินเสนอการยอมถอย ด้วยการไม่ยึดยูเครนทั้งหมด

25 เมษายน

ทรัมป์กดดันยูเครนให้ลงนามข้อตกลงด้านแร่หายากกับสหรัฐฯ โดยเขียนใน Truth Social ว่า

ยูเครน ซึ่งมีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีเป็นผู้นำ ยังไม่ลงนามในเอกสารสุดท้ายของข้อตกลงแร่หายากที่สำคัญมากกับสหรัฐฯ ซึ่งล่าช้ามาอย่างน้อยสามสัปดาห์ หวังว่าจะมีการลงนามทันที

ขณะเดียวกัน วิตคอฟฟ์ ผู้แทนตะวันออกกลางของทรัมป์ ก็พบกับปูตินที่รัสเซียเป็นเวลา 3 ชั่วโมง นับเป็นการเดินทางไปรัสเซียครั้งที่ 4 ของเขาตั้งแต่ทรัมป์เริ่มดำรงตำแหน่ง

26 เมษายน

ทรัมป์และเซเลนสกีพบกันตัวต่อตัวที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นเวลา 15 นาที ก่อนพิธีศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

เราคุยกันตัวต่อตัวหลากหลายเรื่อง หวังว่าจะมีผลลัพธ์ในทุกประเด็นที่เราหารือกัน ปกป้องชีวิตประชาชนของเรา หยุดยิงโดยสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข สันติภาพที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดสงครามใหม่ การพบกันที่มีสัญลักษณ์สำคัญ และอาจกลายเป็นประวัติศาสตร์ได้หากเราทำให้เกิดผลร่วมกันได้

ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ตั้งคำถามว่าปูตินไม่อยากหยุดสงครามและกำลังเล่นเกมอยู่ พร้อมขู่ว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย

28 เมษายน

ปูตินประกาศแผนการหยุดยิง 3 วันกับยูเครน ตั้งแต่วันที่ 8-11 พฤษภาคม ระหว่างวันรำลึกชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สองของรัสเซีย โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ตอบกลับว่า ทรัมป์ต้องการหยุดยิงถาวรระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ใช่ชั่วคราว

30 เมษายน

สหรัฐฯ และยูเครนลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า ข้อตกลงแร่หายาก รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุในแถลงการณ์หลังลงนามว่า เพื่อเป็นการยอมรับถึงการสนับสนุนด้านการเงินและวัตถุอย่างมีนัยสำคัญที่ประชาชนชาวอเมริกันมอบให้แก่การป้องกันประเทศของยูเครน นับตั้งแต่การรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซีย ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจนี้จะทำให้สองประเทศของเราทำงานและลงทุนร่วมกัน เพื่อเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูเครน

1 พฤษภาคม

รูบิโอกล่าวในรายการ Fox News ว่า ขยับเข้าใกล้การเจรจาสันติภาพมากขึ้นแต่จุดยืนของยูเครนและรัสเซียยังห่างกันอยู่พอสมควร

เราไม่ยอมแพ้ในความพยายามนี้ ในแง่ที่ว่าเราจะยังพร้อมให้ความช่วยเหลือหากสามารถทำได้ แต่สุดท้ายแล้ว ประธานาธิบดีจะต้องเป็นผู้ตัดสินว่า จะทุ่มเวลาและทรัพยากรระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อไปอีกแค่ไหน

2 พฤษภาคม

รองประธานาธิบดีแวนซ์ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่าสงครามนี้จะไม่จบลงในเร็ววัน

4 พฤษภาคม

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการ Meet the Press โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ เข้าใกล้การตกลงกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ระบุว่าฝ่ายใดเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้า

บางครั้งผมรู้สึกว่าอยากถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพ แล้วก็เกิดบางอย่างในแง่บวกขึ้นมา ผมคิดว่าเรามีโอกาสที่ดีมากในการทำให้มันสำเร็จ

7 พฤษภาคม

ที่ประชุม Munich Leaders Meeting ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แวนซ์กล่าวว่ารัสเซียเรียกร้องมากเกินไปในการยุติสงครามกับยูเครน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายควรเข้าสู่การเจรจาโดยตรง รองประธานาธิบดียังเสนอว่าการเจรจาได้เคลื่อนออกจากประเด็นการหยุดยิง 30 วันแล้ว

สิ่งที่รัสเซียบอกคือ หยุดยิง 30 วันไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของพวกเขา เราพยายามขยับออกจากความหมกมุ่นกับการหยุดยิง 30 วัน และไปโฟกัสที่ภาพรวมของข้อตกลงระยะยาวแทน

8 พฤษภาคม

ทรัมป์เรียกร้องให้มีการหยุดยิง 30 วันผ่าน Truth Social ซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกับคำกล่าวของแวนซ์เมื่อวันก่อน

10 พฤษภาคม

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าทรัมป์ได้เข้าร่วมในการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกับผู้นำของยูเครน ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร และโปแลนด์ โดยย้ำว่าสหรัฐฯ จะช่วย รับประกันสันติภาพระยะยาว หากมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน

11 พฤษภาคม

ทรัมป์สนับสนุนข้อเสนอของปูตินให้มีการเจรจาโดยตรงที่ตุรกีเพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามอย่างถาวร แทนที่จะเป็นเพียงการหยุดยิงชั่วคราว 

เซเลนสกีตอบกลับใน X โดยท้าทายปูตินให้เข้าร่วมการเจรจาโดยตรงว่า จะรอปูตินที่ตุรกีในวันพฤหัสฯ ด้วยตัวเอง หวังว่าครั้งนี้ชาวรัสเซียจะไม่หาข้ออ้างอีก

12 พฤษภาคม

ทรัมป์เสนอเป็นครั้งแรกว่าอาจเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพที่ตุรกี ระหว่างที่อยู่ในทริปตะวันออกกลาง

14 พฤษภาคม

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวแจ้งกับ CNN ว่า ทรัมป์จะไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพที่ตุรกีในช่วงที่เขาอยู่ในทริปตะวันออกกลาง รายชื่อของผู้แทนจากรัสเซียที่เข้าร่วมการเจรจาในตุรกีไม่มีชื่อของปูติน เซเลนสกีกล่าวว่าจะเข้าร่วมการเจรจาที่ตุรกี ก็ต่อเมื่อปูตินมาด้วยเท่านั้น

15 พฤษภาคม

ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันไม่นานก่อนลงจอดที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าเขากับปูตินจะได้คุยกัน 

ในท้ายที่สุด การเจรจาระหว่างเซเลนสกีกับปูตินไม่ได้เกิดขึ้นที่ตุรกี แต่คณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายได้วางแผนจะพบกัน แม้เซเลนสกีจะวิจารณ์ว่าฝั่งรัสเซียส่งคนที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ

16 พฤษภาคม

การเจรจาโดยตรงระหว่างคณะผู้แทนจากรัสเซียและยูเครนเกิดขึ้นและสิ้นสุดลงที่อิสตันบูล โดยไม่มีปูตินหรือเซเลนสกีเข้าร่วม แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนเชลยในระดับใหญ่ เซเลนสกี ทรัมป์ และผู้นำยุโรปคนอื่น ๆ ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ไม่นานหลังจากการเจรจาสิ้นสุด

ทรัมป์กล่าวว่า วางแผนจะพบกับประธานาธิบดีรัสเซียทันทีที่สามารถนัดหมายได้และกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างโดยสารอยู่บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า อาจโทรหาปูติน 

17 พฤษภาคม

ทรัมป์กล่าวว่า จะโทรหาปูตินในวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าหัวข้อในการโทรจะเป็นเรื่องการหยุดการนองเลือดที่คร่าชีวิตทหารรัสเซียและยูเครนมากกว่า 5,000 คนต่อสัปดาห์ และเรื่องการค้า เเละยังเสริมว่า จะพูดคุยกับเซเลนสกีและสมาชิกนาโตบางรายด้วย

18 พฤษภาคม

แวนซ์และรูบิโอพบกับเซเลนสกีในอิตาลี ระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้นำทั้งสามหารือถึงเป้าหมายร่วมกันในการยุติการนองเลือดในยูเครน และให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของการเจรจาเรื่องการหยุดยิงและสันติภาพ

ในภาพถ่ายของการประชุมส่วนตัวที่ถูกเผยแพร่โดยสำนักงาน พบว่าแวนซ์และเซเลนสกียิ้มแย้ม อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน ก็เข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย

เซเลนสกีกล่าวใน X ว่า ระหว่างการพูดคุย ได้หารือเกี่ยวกับการเจรจาในอิสตันบูล ซึ่งฝ่ายรัสเซียส่งตัวแทนระดับที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจมา โดยย้ำว่ายูเครนพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการทูตอย่างแท้จริง และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหยุดยิงโดยสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไขให้เร็วที่สุด

เราได้พูดถึงความจำเป็นของการคว่ำบาตรรัสเซีย การค้าทวิภาคี ความร่วมมือด้านการป้องกัน สถานการณ์ในสนามรบ และการแลกเปลี่ยนเชลยที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจำเป็นต้องเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย จนกว่าจะเต็มใจหยุดสงคราม และแน่นอนว่า เราพูดถึงแนวทางร่วมกันในการสร้างสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน

19 พฤษภาคม

ทรัมป์โทรศัพท์กับปูตินนาน 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการโทรที่ได้รับการจับตาอย่างมาก และหลังจากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียและยูเครนจะเริ่มต้นการเจรจาสู่การหยุดยิงทันที และที่สำคัญกว่านั้นคือ การยุติสงคราม เขาเสริมว่าเงื่อนไขต่าง ๆ จะถูกเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย

ทรัมป์แจ้งเซเลนสกีเกี่ยวกับเนื้อหาการโทรกับปูตินในภายหลัง พร้อมทั้งแจ้งผู้นำประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยเซเลนสกีกับทรัมป์ก็ได้พูดคุยกันก่อนที่ทรัมป์จะโทรหาปูตินเช่นกัน ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า วาติกันแสดงความสนใจอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจา

ปูตินกล่าวว่าการโทรกับทรัมป์เป็นการสนทนาที่ตรงไปตรงมาและมีเนื้อหา ตามรายงานของสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการยุติปฏิบัติการ การหยุดยิง และฝั่งของผม ผมได้เน้นย้ำว่ารัสเซียยืนหยัดในแนวทางสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตยูเครน เราแค่ต้องกำหนดเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเดินหน้าไปสู่สันติภาพ