"ปูติน" ส่งสารตรง เสนอเจรจาสันติภาพยูเครนครั้งแรกในรอบ 3 ปี

11 พ.ค. 2568 | 11:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2568 | 12:42 น.

ปูตินเสนอเปิดเจรจาสันติภาพกับยูเครนที่ตุรกีแบบไม่มีเงื่อนไขครั้งแรกในรอบ 3 ปี “ทรัมป์” หนุนหวังยุติ “อาบเลือด” ขณะที่ยุโรปกดดันหยุดยิงทันที

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมาเสนอเปิดการเจรจาสันติภาพกับยูเครนโดยตรงแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติ และการเสียชีวิตของทหารนับแสนรายจากทั้งสองฝ่าย โดยข้อเสนอนี้ได้รับเสียงสนับสนุนทันทีจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังหาเสียงชูนโยบาย “หยุดสงคราม” ขณะที่ยูเครนและชาติยุโรปยังแสดงท่าทีระมัดระวัง

ข้อเสนอของปูตินมีขึ้นผ่านแถลงการณ์ถ่ายทอดสดจากทำเนียบเครมลินเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยได้เสนอให้จัดการเจรจาในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยไม่ตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า พร้อมประกาศว่า “ข้อเสนอของเราอยู่บนโต๊ะแล้ว การตัดสินใจตอนนี้ขึ้นอยู่กับทางการยูเครนและผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งดูเหมือนจะขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัว มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน”

ปูตินระบุว่าตนจะหารือกับประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี ในวันเดียวกัน เพื่อหารือการเป็นเจ้าภาพจัดเจรจา และหากทุกฝ่ายเห็นพ้องอาจนำไปสู่การประกาศหยุดยิงที่ยั่งยืน โดยการเจรจาครั้งนี้จะครอบคลุมถึง “สาเหตุที่แท้จริงของสงคราม”

ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกลุ่มผู้นำยุโรปที่เดินทางเยือนกรุงเคียฟ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขเป็นเวลา 30 วัน พร้อมขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะเผชิญมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่อย่างรุนแรง ซึ่งปูตินตอบโต้ทันควันว่า ตนไม่รับเงื่อนไขในลักษณะ “คำขาด”

ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยประกาศตนเองเป็น “ผู้นำแห่งสันติภาพ” กล่าวสนับสนุนข้อเสนอของปูตินทันทีผ่าน Truth Social โดยระบุว่า “นี่อาจเป็นวันยิ่งใหญ่ของรัสเซียและยูเครน! ลองนึกถึงชีวิตนับแสนที่อาจได้รับการช่วยเหลือ หากสงครามอาบเลือดนี้สิ้นสุดลงเสียที” พร้อมย้ำว่าจะทำงานกับทั้งสองฝ่ายต่อไปเพื่อให้เกิดการยุติสงคราม พร้อมระบุว่า “สหรัฐฯ ควรหันไปให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูประเทศและการค้า”

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานประธานาธิบดียูเครนและกระทรวงการต่างประเทศยูเครนยังไม่มีแถลงการณ์ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซีย

แม้ปูตินจะยื่นมือเจรจา แต่กองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีต่อเนื่อง โดยเมื่อวันอาทิตย์ รัสเซียได้ส่งโดรนโจมตีกรุงเคียฟและพื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย และบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง โดยปูตินยังกล่าวว่า หากการเจรจาในตุรกีเกิดขึ้น เขาไม่ปิดกั้นความเป็นไปได้ที่จะประกาศ “หยุดยิงครั้งใหม่” ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกสู่สันติภาพที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ปูตินยืนยันว่าในช่วงก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยเสนอข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง รวมถึงในช่วงอีสเตอร์ และล่าสุดเมื่อวันที่ 8-10 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 80 ปีชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ยูเครนกลับเป็นฝ่ายละเมิด โดยส่งโดรนโจมตีทางอากาศ 524 ลำ โดรนทางทะเล 45 ลำ และขีปนาวุธตะวันตกอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงพยายามโจมตีภูมิภาคของรัสเซียถึง 5 ครั้ง ซึ่งยูเครนก็กล่าวหาในทางกลับกันว่ารัสเซียเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเอง

ปูตินยังกล่าวถึงเงื่อนไขเดิมของรัสเซียในการยุติสงคราม โดยเฉพาะข้อเรียกร้องให้ยูเครนถอนทัพออกจาก 4 ภูมิภาคในยูเครนที่รัสเซียอ้างสิทธิ์ รวมถึงยกเลิกความพยายามเข้าร่วม NATO ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่รัสเซียกล่าวว่าเป็นชนวนสงคราม นอกจากนี้ยังเสนอให้ยูเครนคงสถานะความเป็นกลาง ขณะที่สหรัฐฯ ต้องรับรองอธิปไตยของรัสเซียในดินแดนเหล่านั้น แม้รัสเซียจะไม่ขัดขวางการเข้าร่วมสหภาพยุโรปของยูเครน

และยังกล่าวถึงร่างข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายเคยเจรจาเมื่อปี 2022 ซึ่งยูเครนจะประกาศเป็นกลางอย่างถาวร แลกกับการได้รับหลักประกันความมั่นคงจาก 5 ชาติสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย และสหรัฐฯ โดยปูตินกล่าวว่า “ไม่ใช่รัสเซียที่ถอนตัวจากการเจรจาในปี 2022 แต่เป็นเคียฟ” และย้ำว่ารัสเซียยังพร้อมเจรจาแบบไม่มีเงื่อนไข

นอกจากนี้ ปูติยังแสดงความขอบคุณต่อจีน บราซิล ประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงสหรัฐฯ ที่พยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยสงครามในครั้งนี้

สำหรับปูติน ย้ำว่าสงครามครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและโลกตะวันตก โดยกล่าวหาตะวันตกว่าดูแคลนรัสเซียมาตลอดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 และขยายอิทธิพล NATO เข้ามาในพื้นที่ที่เขาถือว่าเป็น “อาณาเขตทางประวัติศาสตร์” ของรัสเซีย รวมถึงยูเครน