จีนถึงยุคใช้ AI ไลฟ์ขายสินค้าแทนคน ท่ามกลางกระแสชอปปิงผ่านไลฟ์สดเฟื่องฟู

11 ธ.ค. 2566 | 05:26 น.

กระแสชอปปิงผ่านไลฟ์สดในจีนเฟื่องฟู หนุนการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการใช้ AI ไลฟ์ขายสินค้าแทนคนซึ่งกำลังเป็นที่นิยม

 

การซื้อสินค้าผ่านทางไลฟ์สตรีมมิง (livestreaming) หรือ การไลฟ์สด กำลังเป็นที่นิยมใน ประเทศจีน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างนักไลฟ์สดเสมือนจริง ซึ่งกระแสดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สดใสที่อาจจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลงอย่างหนักในขณะนี้

รายงานของแมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ระดับโลกระบุว่า ยอดขายสินค้าผ่านทางไลฟ์สดในจีนพุ่งขึ้น 19% ในช่วงเทศกาลวันคนโสด (Singles Day) เดือนพ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ปรับตัวลง 1%

"วียา" (Viya) นักไลฟ์สดขายสินค้าชื่อดังของจีน (left) กำลังไลฟ์สดกับผู้ช่วย (ขอบคุณภาพจากไชน่า เดลี่) treamers, and her assistants

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในจีนเมื่อช่วงต้นปี 2563 กลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนได้หันไปว่าจ้างนักไลฟ์สด หรือไม่ก็พัฒนาตนเองเป็นนักไลฟ์สดเพื่อที่จะขายสินค้า ขณะที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ เช่น ออสติน หลี่ ได้กลายมาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นเศรษฐีเงินล้านเพียงชั่วข้ามคืน ผ่านการไลฟ์สดขายสินค้า

ดาเนียล ซิปเลอร์ นักวิเคราะห์ของแมคคินซี่กล่าวว่า การไลฟ์สด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้านั้น ประเทศจีนกำลังเป็นที่นิยมมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และขณะนี้บริษัทค้าปลีกหลายแห่งกำลังหันมาใช้ AI แทนคนในการไลฟ์สดขายสินค้า และหลายบริษัทเริ่มใช้ Avatar หรือภาพกราฟิกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนภาพลักษณ์จริงของคน 

สาวสวย AI กำลังไลฟ์สดขายเครื่องสำอาง แทบดูไม่ออกว่าเธอคือนักขายเสมือนจริง

เสี่ยวเฟิง หวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อไลฟ์สดขายสินค้าได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลวันคนโสดในจีนปี 2566 นี้ โดยคุณภาพของ AI หรือ Avatar ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และดูเหมือนคนจริง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะ AI ที่พัฒนาโดยบริษัทเทนเซ็นต์

"เราคาดว่ากลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนจะใช้ AI ในการไลฟ์สดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายสินค้าทั่วไป และเพื่อลดต้นทุนในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง" นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์กล่าวสรุป