สื่อนอกยัน 'เกลเซอร์' พร้อมขายหุ้นแมนยูฯ

18 ส.ค. 2565 | 00:39 น.

"บลูมเบิร์ก" ตีข่าวตระกูลเกลเซอร์เตรียมพร้อมขายหุ้น ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องจากแฟนบอลอยากให้สโมสรเปลี่ยนเจ้าของเสียที หลังทำทีมตกต่ำ ยังอยู่ท้ายตารางพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวานนี้ (17 ส.ค.) อ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า ตระกูลเกลเซอร์ ที่ครอบครอง สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United FC) ทีมดังใน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ มาตั้งแต่ปี 2005 (พ.ศ.2548) กำลังพิจารณาขายหุ้น “บางส่วน” ในสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ โดยแหล่งข่าวเผยว่า ล่าสุด ตระกูลเกลเซอร์ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะให้นักลงทุนรายใหม่เข้ามาถือหุ้น

 

แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เปิดเผยนามเนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นความลับ กล่าวว่า พี่น้องตระกูลเกลเซอร์ยังไม่พร้อมที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดให้แก่นักลงทุนรายใด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า มูลค่าของทีมแมนฯยูไนเต็ด ณ เวลานี้จะอยู่ที่ระดับ 5,000 ล้านปอนด์ หรือราว 214,000 ล้านบาท ขณะที่ตระกูลเกลเซอร์ซื้อทีมปีศาจแดงในปี 2548 ในราคาเพียง 790 ล้านปอนด์ หรือราว 34,000 ล้านบาท

นายแอฟรัม (ซ้าย) และโจเอล เกลเซอร์ ประธานร่วมสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ตาม การเจรจาหาผู้ถือหุ้นรายใหม่ยังคงดำเนินอยู่ แหล่งข่าวยอมรับว่า ถึงตอนนี้ยังไม่อาจฟันธงชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วตระกูลเกลเซอร์จะขายหุ้นหรือไม่ ด้านโฆษกสโมสรปีศาจแดงและตัวแทนตระกูลเกลเซอร์ ปฏิเสธที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ (อ่านเพิ่มเติม:ผ่าอาณาจักร "แมนยูฯ" 10ผู้ถือหุ้นยักษ์ใหญ่ ไม่ใช่แค่ ‘ตระกูลเกลเซอร์’

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข่าวดังกล่าว หลังมีข่าวเมื่อวันพุธ (17 ส.ค.) ว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ แสดงความสนใจที่จะซื้อทีมแมนฯยูไนเต็ด

 

โดยนายมัสก์ได้สร้างความฮือฮาด้วยการ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า เขาจะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ต่อมาในวันเดียวกัน เขาได้ออกมาทวีตยอมรับว่าข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำพูดล้อเล่นเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ข้อความของนายมัสก์ได้รับการกด like ถึง 573,000 ครั้ง และได้รับการรีทวีตถึง 140,000 ครั้ง ขณะที่แฟนบอลปีศาจแดงต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจต่อการบริหารของตระกูลเกลเซอร์ ซึ่งพาทีมตกต่ำในฤดูกาลนี้ ล่าสุดทีมปีศาจแดงอยู่ท้ายตารางพรีเมียร์ลีก โดยไม่มีคะแนนจากการแพ้ในการแข่งขันทั้ง 2 นัดแรก

 

นอกจากนี้ การออกมาทวีตของนายมัสก์ครั้งแรกที่ว่าจะเทคโอเวอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ทำให้ราคาหุ้นของแมนฯยูไนเต็ดในตลาดวอลล์สตรีทพุ่งขึ้น โดย ณ เวลา 20.39 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นแมนยูฯ พุ่ง 4.37% สู่ระดับ 13.34 ดอลลาร์ หลังทะยานขึ้นถึง 17% ก่อนเปิดตลาด ดันให้ราคาหุ้นบริษัทในตลาดขยับสู่ระดับ 2,200 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้

ผู้บริหารของแมนฯยูไนเต็ด ต้องการผู้ลงทุนใหม่เพิ่มในเวลานี้

ทั้งนี้ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก โดยทีมเคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 13 ครั้ง และสามารถดึงดูดนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีมได้เสมอ ๆไม่ว่าจะเป็นคริสเตียโน โรนัลโด , พอล ป็อกบา และซลาตัน อิบราฮิโมวิช