มัณฑะเลย์ กับโอกาสการขยายการค้าและการลงทุน(1)

“เมืองมัณฑะเลย์ หรือ ภาคมัณฑะเลย์ (Mandalay)” อดีตเมืองหลวงอันรุ่งเรืองของเมียนมา อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางทิศเหนือราว 716 กิโลเมตร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2400 โดยพระเจ้ามินดง พระมหากษัตริย์พม่าในสมัยราชวงศ์อลองพญา ผู้ย้ายราชธานีจากเมืองอมรปุระมาเป็นเมืองมัณฑะเลย์ที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่นํ้าอิรวดี เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่บ้านเมือง ปัจจุบันเมืองมัณฑะเลย์ ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้เมียนมาอย่างมาก ชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยจึงรู้จักมัณฑะเลย์ในฐานะเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม มีความเจริญรุ่งเรืองด้านพุทธศาสนา และมีธรรมชาติที่สวยงาม จากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พระราชวังมัณฑะเลย์ วัดพระมหามัยมุนี เจดีย์เจาตอจี และวัดชเวนันดอ เป็นต้น

นอกจากนี้มัณฑะเลย์ยังมีความสำคัญในเชิงการค้าและการลงทุน ถือเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ศูนย์กลางการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค และมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นหนึ่งในเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASEAN Smart City) อีกด้วย

ศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ด้วยรูปแบบการปกครองของเมียนมา แบ่งการปกครองออกเป็น 7 รัฐ และ 7 ภาค รวมทั้งภาคมัณฑะเลย์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเมียนมา หรือประมาณ 15% ของการเจริญเติบโตของเมียนมา รองจากกรุงย่างกุ้ง ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วลิสง งา ฝ้าย ถั่วเมล็ดแห้ง ใบยาสูบ พริก และผัก รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้ภาคมัณฑะเลย์กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมา ปัจจัยดังกล่าวประกอบด้วย

1. ภาคมัณฑะเลย์มีความสำคัญในฐานะแหล่งอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ มีเขตนิคมอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ (Mandalay Industrial Zone) ซึ่งมีโครงการการลงทุนมากกว่า 1,200 โครงการครอบคลุมการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป เฟอร์นิเจอร์ไม้ อาหารและเครื่องดื่ม และเหล็ก ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปทำธุรกิจผลิตอาหารสัตว์และจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร

2. ภาคมัณฑะเลย์ยังเป็นตลาดค้าหยกและอัญมณีที่สำคัญของเมียนมา เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองโมกก ซึ่งเป็นแหล่งหยก ทับทิม และไพลิน มีพ่อค้าต่างชาติ เข้ามารับซื้ออัญมณีเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

3. ภาคมัณฑะเลย์เป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญในการเดินทางและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ครอบคลุมเมืองพุกาม ซึ่งเป็นเมืองทุ่งทะเลเจดีย์ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งล่าสุดของเมียนมา และยังใกล้กับทะเลสาบอินเลที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและผู้คนที่อาศัยในบริเวณนี้ นอกจากนี้เมืองมัณฑะเลย์ยังติดกับเมืองพินอูลวิน ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่มีธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมและภาคการบริการในภาคมัณฑะเลย์ขยายตัวตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการด้านโรงแรมและภาคการบริการของไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนในมัณฑะเลย์ เนื่องด้วยไทยเริ่มมีแรงขับเคลื่อนมาจากธุรกิจบริการสมัยใหม่ หรือ Modern Services ที่นำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ แม้จะมีขนาดเล็กแต่สามารถถือครองสัดส่วนใน GDP ของประเทศได้ถึง 14% และเพิ่งมีการขยายตัวชัดเจนในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการขยายตลาดภาคการบริการไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นในอนาคต

หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,561 วันที่ 29 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2563