“สี จิ้นผิง”ลุยอู่ฮั่นส่งสัญญาณจีนคุมโรคระบาดได้แล้ว

11 มี.ค. 2563 | 04:04 น.

“สี จิ้นผิง”ลงพื้นที่อู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนา แบบไม่มีกำหนดการล่วงหน้า หวังเห็นข้อเท็จจริงโดยไม่ต้องมีการจัดเตรียม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทั้งเป็นการส่งสัญญาณจีนควบคุมโรคระบาดได้แล้ว

 

วันนี้(11 มี.ค.63) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลเรื่องราวและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้เดินทางเยือนนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 (โคโรนา) เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเมื่อเดือน ม.ค.63 และถือเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญของจีนในการควบคุมโรคระบาดได้แล้ว 


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เดินทางถึงนครอู่ฮั่น โดยเครื่องบิน ซึ่งเป็นกำหนดการที่ไม่ได้แจ้งให้สาธารณชนทราบล่วงหน้า เพื่อตรวจงานการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย และพบปะให้กำลังใจกับบุคคลากรที่ทำงานเป็นแนวหน้าในการรับมือกับไวรัสโควิด-19 อันได้แก่ เจ้าหน้าที่แพทย์ ทหาร เจ้าหน้าที่ชุมชน ตำรวจ ผู้ป่วยและชาวบ้าน 

ในขณะที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ได้แถลงว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 9 มี.ค.63 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 19 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในจีนอยู่ที่ 80,754 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 17 ราย รวมเป็น 3,136 ราย  

                                                               “สี จิ้นผิง”ลุยอู่ฮั่นส่งสัญญาณจีนคุมโรคระบาดได้แล้ว

สำหรับแนวทางการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับชุมชน (หมู่บ้าน) ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานที่มีความสำคัญยิ่ง กล่าวคือ
   

รัฐบาลจีนยึดหลักความรับผิดชอบต่อประชาชนจีนและประชาคมโลก ซึ่งให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของชีวิตและสุขอนามัยของประชาชนเป็นอันดับแรกมาโดยตลอด รวมทั้งได้ใช้มาตรการป้องกันและควบคุมรอบด้านอย่างเคร่งครัดที่สุด จนประสบผลเป็นรูปธรรม
     

ประชาชนชาวจีนในชุมชนต่างร่วมทุกข์ร่วมสุข มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อผ่านพ้นความยากลำบากนี้ โดยปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล และตามคำชี้แนะของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งในแต่ละวันประชาชนส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่ที่บ้านอย่างเงียบๆ ยกเว้นเวลาจะต้องออกไปซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็น 
     

ในกรณีที่มีผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย เช่น จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ผลิตหน้ากากอนามัยเถื่อน ไม่ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ฯลฯ  ทางการจีนจะลงโทษสถานหนัก ด้วยการปรับเงินก้อนใหญ่หรือเข้าควบคุมตัว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างเด็ดขาด

 

สำหรับข้อสังเกต การลงพื้นที่ของผู้นำจีนโดยไม่แจ้งให้สาธารณชนทราบล่วงหน้านั้น จะทำให้ได้เห็นข้อเท็จจริงโดยที่ไม่ต้องมีการจัดเตรียม เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียน ขณะที่ศึกษาหลักสูตรยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ในมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อปี พ.ศ.2547– 2548 (เป็นหลักสูตรในระดับเดียวกับ วปอ.ของไทย) ได้พบปะสนทนากับคณะผู้ตรวจด้านการศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มาตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า เกี่ยวกับการจัดการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ในมหาวิทยาลัย ถึง 2 ครั้ง (หลังจากที่หลักสูตรเปิดเรียนได้ 6 เดือน และก่อนสำเร็จการศึกษาในเดือนสุดท้าย) เพื่อนำไปประเมินผลเปรียบเทียบและปรับปรุงพัฒนาต่อไป       

 

 

บทสรุป การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ลงพื้นที่นครอู่ฮั่นด้วยตนเองดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการตลาดที่ยังคงตื่นตระหนกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สำคัญในการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนมีความเชื่อมั่นเพียงพอที่จะประกาศว่าวิกฤตการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว 


และแนวทางของจีนในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเป็นโมเดลให้ประเทศอื่นๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้เสนอให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ อีกด้วย